เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่ง 8 ความเห็นเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับรัฐบาล ทางรัฐบาลต้องมีการปรับปรุงอะไรหรือไม่ว่า ยังไม่มีเอกสารส่งถึงอย่างเป็นทางการ แต่เราได้เห็นแล้วในรายละเอียดมีข้อห่วงใยบางประการ เช่น เรื่องขอบเขต กรอบอำนาจ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ตามมาตรา 32 ได้พูดถึงการที่สามารถให้ ป.ป.ช. สามารถทำข้อเสนอแนะเรื่องนโยบายได้ แต่เป็นเรื่องของการป้องกันทุจริต แต่เรื่องนี้เป็นการท้วงติงในลักษณะที่บางข้อเป็นอำนาจ ขอบเขตของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เห็นเอกสารตามสื่อแต่ยังไม่มีอย่างเป็นทางการ หากเป็นเช่นนั้นจริง เราคงจะนำเข้าไปในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายในครั้งหน้า นายกรัฐมนตรีได้ระบุวันมาแล้ว หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือวันที่ 15 ก.พ.

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กรอบงานยังเหมือนเดิมและเดินหน้าโครงการต่อไป โดยมีตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบการทุจริต รับฟังความเห็นในสังคม รวมถึงการเชื่อต่อกับระบบการเงินอื่นๆ เพื่อให้ตัวระบบมีความครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ หากเอกสารของ ป.ป.ช. เข้ามาทัน เราคงนำเข้ามาหารือในที่ประชุมด้วยเช่นกัน เพราะบางประเด็นอาจเป็นความไม่เข้าใจของ ป.ป.ช. ในเบื้องต้น หรืออาจจะได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน แต่เราก็ชี้แจงได้ เช่น เรื่องกลไกเปลี่ยนเป็นการกู้ เรื่องบล็อกเชน ที่ตอบง่ายมาก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่แตกต่าง แต่สามารถชี้แจงได้ ส่วนเรื่องใดที่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติมเราจะหาหนทางชี้แจง ทำความเข้าใจต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่ความเห็นของ ป.ป.ช.  มีเรื่องของรายละเอียดนโยบายที่ไม่เหมือนกับเมื่อหาเสียง อาจจะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูในเรื่องนี้มีความกังวลหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่านโยบายในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนหน้าแทบไม่มีเลย ตนก็ท้วงติง และอย่างน้อยเราทำตามที่เราบอกไว้ถึงแม้รูปแบบจะเปลี่ยน หากไปอ้างถึงนโยบายของพรรคการเมือง ต้องเรียนว่าตอนที่ทำนโยบายทุกนโยบายเมื่อเขียนส่งต่อ กกต. จะมีการกำหนดว่า ทั้งนี้ ขึ้นกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคม เพราะเมื่อความเหมะสมเปลี่ยนไปเรามีความจำเป็นต้องเปลี่ยน และนี่ไม่ใช่นโยบายของพรรคการเมือง เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลประกอบขึ้นจากพรรคการเมืองหลายพรรค เมื่อมีการหารือตกลงกันแล้วมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เราจะยึดเอานโยบายพรรคใดพรรคหนึ่งทั้งหมดเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องผสมผสานกันทั้งหมดเพื่อหาความลงตัวที่สุดและเดินหน้าได้      

เมื่อถามว่า กลุ่มเป้าหมายยังเป็นกลุ่มเดิมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยนโยบายนี้ที่ ป.ป.ช. ตั้งข้อเสนอแนะในข้อท้ายๆ ดูเหมือนจะนำเสนอว่าให้กลับไปใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งในขณะนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว และเราเห็นชัดเจนว่ากลไกของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาในการกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เป็นเพียงการหยอดน้ำข้าวต้ม เราจึงต้องมีกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ออกมา ฉะนั้น แนวคิดในการทำนโยบายแน่นอนว่าเป็นของรัฐบาลเพราะรัฐบาลมีความรับผิดชอบต่อประชาชน

“บางหน่วยงานไม่ต้องตอบรับเสียงสะท้อนต่อประชาชน หากเศรษฐกิจดำดิ่งหนักลงไปกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ คนรับผิดชอบคือรัฐบาล ซึ่งเราต้องแสดงความชัดเจนว่านโยบายที่ได้รับการแถลงต่อรัฐสภาแล้ว บรรจุเป็นนโยบายของรัฐ มีหน้าที่ที่ต้องเดินหน้าให้ได้ แต่แน่นอนว่าต้องทำภายใต้กรอบของกฎหมาย” นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้ใช้เร็วที่สุดเมื่อไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ขออนุญาตไม่ตอบตรงนี้ เพราะถ้าบอกไปแล้ว เดี๋ยวจะเป็นการกะเกณฑ์แล้วไม่ถูกต้องจะไม่เป็นผลดี”

เมื่อถามว่า ในวันที่ 15 ก.พ. ที่มีการประชุมจะเป็นจุดชี้วัดว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไปหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราชัดเจนว่าเราจะเดินหน้า ส่วนกรอบเวลารอให้สะเด็ดน้ำก่อน ให้ฝุ่นหายตลบก่อนแล้วจะเห็นชัดขึ้น

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าหากรัฐบาลเดินหน้าจะมีนักร้องไปร้องเรียน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยนักร้องเยอะอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็มีคนร้อง แต่ถามว่าถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชน ประชาชนต้องการให้เราเดินหน้านโยบายที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะนี้ เราก็จะเดินหน้า และยืนยันว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่การสงเคราะห์.