เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่บริเวณซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน ถนนเยาวราช นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งพรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าต้องรวมความผิด ม.112 ด้วยหรือไม่ ว่า เราก็ยังเห็นว่าสมควร เพื่อที่จะเป็นประตูอีกบานหนึ่งที่สำคัญในการคลี่คลายความตรึงเครียดและความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับฝ่ายที่มีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน หรือเพื่อให้มีพื้นที่ปลอดภัยที่จะมาพูดคุยกัน หาจุดลงตัวหาจุดร่วมให้ได้ โดยใช้กระบวนการประชาธิปไตย เรื่องนี้หวังว่าในคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรม ก็จะได้มีโอกาสในการพิจารณาอย่างรอบด้าน พิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเลือกแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา หรือ กระบวนการ ในการนิรโทษกรรม
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ กลุ่มทะลุวัง ที่เป็นประเด็นอยู่ ตนคิดว่าสิ่งที่เราไม่ปรารถนาจะเห็นมากที่สุดก็คือการปะทะกันอย่างรุนแรง หรือการไปไล่ล่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน การล่าแม่มดและผลักให้ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วขึ้นเรื่อยๆ ตนคิดว่าเราต้องตั้งสติให้ดี และใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยในการดูว่าจะลดช่องว่างในทางความคิดและทำความเข้าใจ โดยไม่ใช้ความรุนแรงกันได้หรือไม่ แม้ในฝ่ายของน้องๆ ด้วย เราก็เข้าใจในความขับข้องใจ แต่เราก็ต้องช่วยกันดูว่า การสื่อสาร การแสดงออกที่จะทำให้สังคมมีความเข้าใจ และพร้อมที่จะพิจารณาประเด็นที่อยากจะสื่อสารที่ดีที่สุด ควรจะเป็นอย่างไร
ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่ากรณีบีบแตรขบวนเสด็จเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าความคิดเห็นต่อเรื่องนี้มีหลากหลาย อันนี้เป็นตัวอย่างว่า แม้จะมีคนหลายส่วนพร้อมที่จะเข้าใจประเด็นที่อยากจะสื่อสาร แต่ก็อาจจะมีคนไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ประเด็นที่จะเป็นเหตุผลที่จะผลักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมรับ หรือเพิ่มช่องว่างระหว่างกัน ยิ่งเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นเวลาที่เราต้องใช้สติให้มากที่สุด อย่าใช้อารมณ์
“จริงๆ นิรโทษกรรมก็เป็นขั้นตอนหนึ่งที่เราหวังว่ามันจะระบายความกดดัน การปะทะกันที่มันมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ทุกคนเย็นลงพอที่จะนั่งคุยกันได้” นายชัยธวัช กล่าว.