สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ว่า เทคนิคลดปริมาณสินค้า เป็นแนวปฏิบัติที่แพร่หลาย และเป็นกลยุทธ์ทั่วไปสำหรับธุรกิจหลายแห่ง ในการประหยัดต้นทุนท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ
แม้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี แต่ชาวอเมริกันจำนวนมาก ยังคงประสบปัญหาสินค้าราคาแพง หรืออีกนัยหนึ่ง พวกเขาพบว่าตัวเองได้รับผลิตภัณฑ์น้อยลง เมื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็น
Biden calls on snack companies to stop shrinkflationhttps://t.co/8HGqhMJVlm
— MSN News (@MSNNews) February 11, 2024
ทั้งนี้ ไบเดนพยายามทำให้ข้อความด้านเศรษฐกิจของเขา แสดงประสิทธิผลก่อนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ ซึ่งตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจบ่งบอกถึงแนวโน้มในทางบวก อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันหลายคนกลับรู้สึกว่า นโยบายของไบเดน ทำให้สภาพเศรษฐกิจในประเทศแย่กว่าเดิม
ขณะเดียวกัน รายงานของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น พบว่าสิ่งของในครัวเรือน และของชำทั่วไป มีขนาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างเดือน ม.ค. 2562 ถึงเดือน ต.ค. 2566 สวนทางกับราคาต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20%
While you were Super Bowl shopping, did you notice smaller-than-usual products where the price stays the same?
— President Biden (@POTUS) February 11, 2024
Folks are calling it Shrinkflation and it means companies are giving you less for every dollar you spend.
I’m calling on the big consumer brands to put a stop to it. pic.twitter.com/wL1NsEh78F
ไบเดน กล่าวในคลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์” ว่า ชาวอเมริกันเบื่อหน่ายกับการถูกเอารัดเอาเปรียบ พร้อมกับเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ หยุดการกระทำดังกล่าว แต่ผู้นำสหรัฐ ไม่ได้กล่าวถึงขั้นตอนที่รัฐบาลของเขาจะดำเนินการแต่อย่างใด
อนึ่ง ผลการสำรวจของซีเอ็นเอ็น เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่า ชาวอเมริกันที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัว จากปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเพียง 26% เท่านั้น
ขณะที่คนส่วนใหญ่ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐยังอยู่ในภาวะถดถอย โดยให้เหตุผลถึงภาวะเงินเฟ้อ, ค่าครองชีพ หรือราคาสินค้าเฉพาะ เช่น อาหาร หรือที่อยู่อาศัย รวมถึงสถานการณ์ทางการเงินของตัวเอง และมีบางคนรู้สึกว่า เศรษฐกิจยังคงตกต่ำ เนื่องจากนโยบายของไบเดน และพรรคเดโมแครตด้วย.
เครดิตภาพ : AFP