เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. และอดีต ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลักการสำคัญของร่างแก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือไม่ตัดสิทธิผู้เสียหาย ให้ยื่นฟ้องคดีได้โดยตรง ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบแล้วแต่กรณี
เป็นการรักษาสิทธิและอำนวยความยุติธรรมให้ผู้เสียหาย โดยไม่กระทบกับขอบเขตอำนาจเดิมของ ป.ป.ช. และอัยการ ทุกคดีต้องเริ่มที่ ป.ป.ช. ตามขั้นตอน จนเมื่อ ป.ป.ช. ยกคำร้อง หรือชี้มูลความผิดแต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ผู้เสียหายจึงจะใช้สิทธิฟ้องเองได้
นายณัฐวุฒิ ระบุต่อว่า ส่วน “นักร้อง” ทั้งหลายก็ไม่มีบทแสดง เพราะกฎหมายเขียนชัดให้สิทธิเฉพาะ “ผู้เสียหาย” ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเท่านั้น พรรคเพื่อไทยประกาศเรื่องนี้ก่อนการเลือกตั้ง และได้ยื่นทั้ง 2 ร่างต่อประธานรัฐสภา เมื่อ 31 ส.ค. 2566 ตนติดตามมาทุกระยะ จนรัฐสภาจะนำเข้าพิจารณาในวันที่ 16 ก.พ. นี้

วันนี้จึงเดินทางไปพรรคเพื่อไทย เข้าพบหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และคณะ เพี่อแสดงเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่น ขอให้ผลักดันกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ให้มีผลบังคับใช้
พรรคเพื่อไทยยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ทุกขั้นตอนจนแล้วเสร็จ ส่งมอบโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียหาย จากการกระทำโดยรัฐ ซึ่งหลายกรณียังเป็นปัญหาจนถึงขณะนี้

นายณัฐวุฒิ ระบุต่อไปว่า เสร็จภารกิจจากพรรคเพื่อไทย ตนไปรัฐสภา เข้าพบหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ตุลาธน และคณะ เพื่อพูดคุยเนื้อหาของร่างกฎหมาย บอกเล่าที่มาที่ไปของการยื่นแก้ไข และขอเสียงสนับสนุนให้โหวตรับร่าง พรรคก้าวไกลเข้าใจสาระสำคัญเป็นอย่างดี และตอบรับจะโหวตสนับสนุนทั้ง 2 ฉบับ ให้มีผลบังคับใช้
“เราเดินทางกันมาไกล ผ่านชะตากรรมและอุปสรรคมากมาย แต่เราไม่เคยหยุดเดิน จนวันนี้เราก็ยังเดินหน้าตามหาความยุติธรรม ฝากความหวังไว้กับทั้ง 2 พรรคแกนนำรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกรัฐสภาทุกท่านด้วยครับ” นายณัฐวุฒิ ระบุ.