เมื่อวันที่ 13 ก.ฑ. นายไพฑูรย์ หลงยี่ ประธานกลุ่มเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการและคนตาบอด ผู้ค้าสลากไทย ได้นำสมาชิกคนตาบอดจำนวนหนึ่งมาร้องเรียนกับ นายธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์ผดุงธรรม กระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ได้เรียกต่อสัญญาโควตาสลากซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากของสภาสังคมสงเคราะห์ฯในวันที่ 22-24 ก.พ. ซึ่งการเรียกต่อสัญญาตัวแทนจำหน่ายในครั้งนี้มีการปรับลดจำนวนโควตาสลากเดิม เช่น ผู้ที่มีสลากเกิน 5 เล่มขึ้นไปก็ให้ปรับลดเหลือเพียง 5 เล่มเท่านั้น ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 ก็เคยมีการปรับลดไปแล้ว 1 ครั้ง จากผู้ที่มีสลากเกินกว่า 8 เล่ม ให้เหลือเพียง 8 เล่มเท่านั้น ตนรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ขาดเมตตาธรรมต่อคนยากไร้ โดยเฉพาะผู้พิการที่เขาประกอบอาชีพค้าสลากเลี้ยงตนเองและครอบครัวมาเป็นเวลานานกว่า 30 – 40 ปี

สภาสังคมสงเคราะห์ฯไม่ได้เรียกผู้ที่เป็นเจ้าของโควตาสลากเดิมมาประชุมพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันโดยสันติ ทั้งที่มีภาพลักษณ์ในการช่วยเหลือคนยากคนจนและผู้ด้อยโอกาสมาตลอด ทางกลุ่มเกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจที่จะอยู่กับสภาสังคมสงเคราะห์อีกต่อไปเพราะมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก โดยสภาสังคมสงเคราะห์ฯได้ให้เหตุผลว่าได้ทำการเปิดให้คนพิการและยากไร้รายใหม่ได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 40,000 ราย เพื่อแบ่งรายได้จากคนพิการที่ได้รับสิทธิ์เดิม โดยที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้โควต้าคนพิการเท่าเดิมที่ 13,405 เล่ม ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มคนพิการตั้งแต่ปี 2517 กำหนดให้มีองค์กรมาเป็นตัวกลางในการรับโควต้ากองสลากฯ ซึ่งกลุ่มคนพิการได้ขอให้สภาสังคมสงเคาะห์ฯ เข้าทำหน้าที่และได้มีค่าดำเนินการจากโควต้าสลากเป็นส่วนหนึ่งแล้ว

อาจมีการตั้งข้อสังเกตุได้ว่าถ้าสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ต้องการช่วยคนพิการให้ได้จำนวนมากขึ้นจึงควรเจรจาขอโควต้าจากสำนักงานสลากฯ ให้มากขึ้น หรือลดค่าดำเนินการที่หักจากการเป็นตัวกลางในการรับสลาก ไม่ใช่การหักจากรายได้คนพิการรายเดิม ซึ่งโควต้าควรได้กับคนพิการเท่านั้น อาจพิจารณากรณีผู้ยากไร้ที่มีปัญหาในการพิสูจน์ตามมา เพราะความยากไร้ที่เป็นช่วงระยะเวลา และยากต่อการแสดงหลักฐานข้อเท็จจริง ซึ่งทางศูนย์ผดุงธรรมเชื่อว่าสภาสังคมสงเคราะห์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาฯ เพื่อช่วยเหลือคนพิการ รวมถึงผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน นอกจากความหวังดีเจตนาที่บริสุทธิ์ของกลุ่มเจ้าหน้าที่และกรรมการซึ่งมีเจตนาเพื่อกระจายความสุขและความเท่าเทียมให้มากขึ้นในสังคม โดยทางศูนย์ผดุงธรรมจะดำเนินการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป.