เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ มนัสชน สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตภายในแมนชั่นแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 23 ภายในห้องพบศพ นายเคียว เซย่า อายุ 51 ปี ชาวเมียนมา นอนหงายจมกองเลือดอยู่กลางห้อง ใบหน้าบวมปูด ศีรษะแตก เลือดไหลออกจากปากและใบหู ภายในห้องมีร่องรอยการรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย ลูกบิดประตูด้านในถูกทุบจนหลุด ตัวใส่คีย์การ์ดหน้าห้องถูกรื้อออก เอาถ่านออก 2 ก้อน กันการเปิดประตูทั้ง 2 ด้าน นอกจากนี้ ยังพบตู้เซฟขนาด 50×50 ซม. สภาพใหม่ 1 ตู้ กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ จึงยึดไว้ตรวจสอบ

จากการสอบสวนนางเท เท วิน อายุ 58 ปี แม่บุญธรรมผู้ตาย ให้การอ้างว่า ตนกับลูกบุญธรรม เข้ามาอยู่ประเทศไทยได้ประมาณ 4 เดือน แต่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ 1 เดือน ลูกชายทำธุรกิจค้าขายและแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยทำร่วมกับนายวิลเลี่ยมและนายจอห์น หนุ่มผิวสีชาวสกอตแลนด์ ช่วงเช้าลูกชายไปซื้อตู้เซฟเพื่อนำมาใส่เงินแบงก์พันรวม 5 ล้านบาท ช่วงบ่ายก็เดินทางไปหานายวิลเลี่ยมและนายจอห์นที่โรงแรม เพื่อเจรจาธุรกิจแต่ไม่ลงตัว จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. นายวิลเลี่ยมกับนายจอห์นมาหาที่แมนชั่น โทรศัพท์ให้ลูกชายลงไปรับมาคุยกันในห้อง โดยทั้ง 2 คน ไม่มีอาวุธใดๆ ติดตัวมา มีเพียงผงแป้งสีชมพู

เมื่อคุยกันสักพักจึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ตนพยายามเข้าห้ามปราม แต่ก็ถูกนายวิลเลี่ยมต่อยเข้าที่ใบหน้าจนล้มกลางอากาศ หลังกระแทกพื้นสลบคาที่ เมื่อตื่นมาอีกทีก็พบกับสภาพของลูกชายเลือดท่วมตัว หายใจรวยริน จึงลงไปบอกพนักงานของแมนชั่นให้ช่วยตามรถพยาบาลมารับตัวลูกชาย เมื่อรถพยาบาลมาถึง ทำการปั๊มหัวใจลูกชายอยู่นาน แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินพบว่า เงินสด 5 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือของตนหายไป ส่วนโทรศัพท์มือถือลูกชายที่เก็บข้อมูลของคนร้ายไว้ทั้งหมด ไม่ได้ถูกหยิบไป แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ เพราะไม่รู้รหัสผ่าน

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทราบว่าคนร้ายเป็นชายผิวสี 2 คน ลักษณะศีรษะล้าน 1 คน เข้ามาก่อเหตุจริง ภายหลังก่อเหตุ ได้เดินออกจากแมนชั่นไปอย่างเร่งรีบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ให้ร่วมหาข้อมูลของคนร้ายที่พักอยู่โรงแรมแห่งหนึ่ง และแจ้งไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสกัดคนร้ายทั้ง 2 คน หลบหนีออกนอกประเทศ และคาดว่าผู้ตายกับคนร้ายจะทำธุรกิจเงินดำร่วมกัน แต่คุยผลประโยชน์ไม่ลงตัว จึงเกิดการฆาตกรรมโหดขึ้น ส่วนสาเหตุการตาย คาดว่าถูกคนร้ายจับศีรษะกระแทกพื้น ซึ่งฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป