นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือพายุดีเปรสชันเตี้ยนหมู่ โดยให้ดำเนินการตามแผนบรรเทาสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมวางแนวทางป้องกัน-ฟื้นฟู-เยียวยาหลังสถานการณ์คลี่คลายในทุกมิติ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที และให้ประชาสัมพันธ์การดำเนินการให้ประชาชนให้รับทราบและให้หน่วยงานรายงานผลการดำเนินงานมายังกระทรวงฯ รับทราบทุกวันนั้น

ขณะนี้หน่วยงานในสังกัด ประกอบด้วย สำนักบริหารบำรุงทาง, สำนักงานทางหลวง, ศูนย์สร้างทาง, ศูนย์สร้างและบูรณะสะพาน แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงทั่วประเทศ พื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์  พร้อมเร่งระบายน้ำและบำรุงรักษาเส้นทาง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและให้ประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยจากการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง 24 ชม. โดยช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ช่วยเหลือประชาชน ดังนี้ จัดชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรออกแก้ไข น้ำท่วมบนเส้นทางเพื่อให้ยานพาหนะสามารถสัญจรผ่านได้  พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ติดตั้งป้ายเตือน และไฟวับวาบแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง

จัดเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและรถช่วยเหลือฉุกเฉิน ออกช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากรถดับเนื่องจากน้ำท่วม บนทางหลวง  พร้อมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยขนย้ายสิ่งของ จัดชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร ออกแก้ไข ดินสไลด์ แก้ไขปัญหาน้ำกัดเซาะคอสะพานชำรุด พร้อมติดตั้งสะพานเหล็กชั่วคราว (เบลีย์) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ดำเนินการขุดลอกวัชพืชเปิดทางน้ำสองข้างทาง และเรียงกระสอบทรายซ่อมแซมจุดรั่วซึมที่เรียงไว้ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากทางหลวงและบ้านเรือนประชาชน จัดชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรออกเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากทางหลวงและบ้านเรือนประชาชน และจัดทำแผนที่ทางเลี่ยงและประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางทราบ

นอกจากนี้ยังได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยบนทางหลวง ช่วงวันที่ 14-27 ก.ย.64 รวมทั้งหมด 13 วันพบว่า ทางหลวงได้รับผลกระทบจากอุทกภัยจำนวน 37  จังหวัด 121 สายทาง ผ่านไม่ได้ 11 จังหวัด 29 สายทาง  ดังนี้ ภาคกลาง 16 จังหวัด  55 สายทาง เช่น จ.สุโขทัย (13 สายทาง ได้แก่ ทล.1113, ทล.12, ทล.101, ทล.1048, ทล.1056, ทล.1332, ทล. 1056, ทล.1113, ทล.1347, ทล.125, ทล.1272, ทล.1294, ทล.1308)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) 12 จังหวัด 45 สายทาง เช่น จ.นครราชสีมา (18 สายทาง) ได้แก่ ทล.2, ทล.201, ทล.205, ทล.2421, ทล.24, ทล.304, ทล.304, ทล.2090, ทล.224, ทล.2068, ทล.2256, ทล.2285, ทล.2217, ทล.2073, ทล.2148, ทล.2246, ทล.226, ทล.2369 ภาคตะวันตก 1 จังหวัด 7 สายทาง เช่น จ.ตาก (7 สายทาง ได้แก่ ทล.12 (ดินสไลด์ ตอน แม่ละเมา-ตาก และตอน กลางสะพานมิตรภาพ-แม่ละเมา) ทล.101, ทล.201, ทล.1, ทล.1331, ทล.1107, ทล.1090)

ภาคตะวันออก 5 จังหวัด 9 สายทาง เช่น จ.ชลบุรี (3 สายทาง ได้แก่ ทล.7, ทล.315, ทล.361) ภาคเหนือ 2 จังหวัด 4 สายทาง ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ (3 สายทาง) ได้แก่  ทล.1012 ทล.107, ทล.108) และ จ.ลำพูน (1 สายทาง ได้แก่ ทล.3306) และ ภาคใต้ 1 จังหวัด 1 สายทาง คือ จ.กระบี่  (1 สายทาง ได้แก่ ทล. 4206) ทั้งนี้ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่คาดว่าจะเกิดความสุ่มเสี่ยง

พร้อมขอให้ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586  (โทรฯ​ ฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชม.) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1