สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ว่า พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหม และพล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลาง ( เซนต์คอม ) เข้าพบคณะกรรมาธิการด้านการบริการอาวุธของวุฒิสภา เมื่อวันอังคาร เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน
ทั้งนี้ พล.อ.มิลลีย์ ปฏิเสธตอบคำถามอย่างชัดเจน ว่าคณะเสนาธิการให้คำแนะนำกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไร ในการพิจารณาตัดสินใจว่า จะคงกำลังทหารอเมริกันชุดสุดท้ายอีกประมาณ 2,500 นายไว้จนถึงเมื่อใด เนื่องจาก "ไม่จำเป็นเสมอไป" ที่ผู้นำสหรัฐต้องปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พล.อ.มิลลีย์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเขาเชื่อว่า "มีความจำเป็น" ที่จะต้องคงกำลังทหารชุดนี้เอาไว้ก่อนอีกสักระยะ เพื่อรักษาเสถียรภาพให้กับรัฐบาลในกรุงคาบูล และเพื่อการคานอำนาจกับกลุ่มตาลีบัน
พล.อ.ลอยด์ ออสติน ( คนซ้าย ) และพล.อ.มาร์ค มิลลีย์
ขณะที่ พล.อ.แมคเคนซี กล่าวเสริมว่า โดยส่วนตัวเขามีความเห็นสอดคล้องกับพล.อ.มิลลีย์ ว่าสหรัฐควรคงกำลังทหารจำนวนหนึ่งไว้ในอัฟกานิสถานต่อไปก่อน แม้รัฐบาลชุดก่อนหน้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามร่วมกับกลุ่มตาลีบัน เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ปีที่แล้ว ว่าจะถอนทหารสหรัฐที่ยังเหลือให้กลับออกไปทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค.ปีนี้ และท้ายที่สุดไบเดนสั่งให้การถอนทหารเสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี
เมื่อมีการหยิบยกประเด็น ทหารอเมริกันเสียชีวิตอย่างเป็นทางการในอัฟกานิสถาน 2,461 นายตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา พล.อ.มิลลีย์ ตอบว่า "เป็นสัจธรรมของสงครามที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ" อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความสูญเสียที่เกิดขึ้น "คือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน"  เพราะผลจากการดำเนินงานตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมาปรากฏผลว่า ท้ายที่สุดแล้ว "กรุงคาบูลตกอยู่ในมือของศัตรู"
ส่วน พล.อ.ออสติน กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ทุกฝ่ายในกองทัพสหรัฐยังคง "ประหลาดใจ" กับการที่กลุ่มตาลีบันสามารถเข้ายึดครองกรุงคาบูล เมื่อกลางเดือนที่แล้ว "ได้อย่างง่ายดาย" ในขณะที่รัฐบาลและกองทัพในกรุงคาบูล ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากอเมริกาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา "ยอมแตกพ่าย".

เครดิตภาพ : AP