เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 4 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องยางพาราว่า ตนขอแสดงความยินดีกับชาวสวนยางพาราว่า ราคายางดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันตนขอแสดงความเห็นใจกับฝ่ายค้าน ที่ไม่นึกว่าต้องลำบากหาเหตุผลว่าราคายางดีไม่ใช่ผลงานรัฐบาล เพราะจริงๆ ตั้งแต่เราเข้ามา ราคายางก็ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องราคายาง ได้อธิบายไปหมดแล้ว ไม่อยากให้วกเวียนไปมาอีก ดังนั้นขอให้เอาผลงานเป็นหลักว่าราคายางดีขึ้นในรอบ 10 ปีดีกว่า การที่รัฐบาลบริหารแบบเข้าใจถึงปัญหา ลงรายละเอียดทุกเม็ด เป็นส่วนทำให้ราคายางโลกขึ้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งไทยควบคุมการผลิตยาง30 เปอร์เซ็นต์ของยางทั่วโลก เราคือมหาอำนาจของยางพาราโลก ผู้นำต้องมีความกล้าผลักดันราคายางให้สูง ทำงานให้ประชาชนกินอยู่ดี ขณะที่การปราบยางเถื่อน ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว เราบูรณาการกระชับพื้นที่แบบลงรายละเอียด
“ถ้าเกิดเราทำอย่างจริงจังก็ทำได้ แต่ในอดีตที่ไม่มีการทำกันมาเลย รมว.เกษตรฯ รมว.พาณิชย์ ในช่วงรัฐบาลที่แล้วก็เป็นคนใต้ เป็นคนที่มีกินมีใช้มาจากยาง แต่ก็ไม่ได้ดูแลอะไรที่มันเกินกว่าที่ตัวเองควรจะทำ รัฐบาลนี้มีใจ ทำงานแม้จริง เพื่อประชาชน เราจะพยายามรักษาราคายางให้สูงต่อไป ผมมั่นใจว่าทำได้ แต่ราคาของผู้อภิปรายในสายตาประชาชนจะเป็นอย่างไร ผมรับผิดชอบไม่ได้ แต่เรื่องราคายางผมรับผิดชอบ” นายกฯ กล่าว

นายกฯ ชี้แจงถึงปัญหาทางภาคใต้ ที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายไปว่า วกไปเวียนมา จนกระทั่งเป็นฝ่ายค้านที่ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน ตนฟังนายชวน ไม่ผิด ที่บอกไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2566 ว่า พรรคเพื่อไทยพัฒนาจังหวัดเฉพาะที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง นายชวนพูดชัดเจน แต่ตนพิสูจน์ และยืนยันให้เห็นว่าตนเป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เคยแบ่งแยกพื้นที่ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ เห็นได้จากที่ตนลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นที่ประจักษ์ที่ดีอยู่แล้ว ไม่เคยเลือกปฏิบัติ แต่เกรงว่านายชวนจะเลือกอธิบายหรือไม่ ก็ถือเป็นสิทธิ เรื่องมุกด้อยค่าพรรคที่อยู่คนละพรรค เป็นมุกเดิมๆกจริงๆ ลองใช้มุกใหม่ดูบางเถอะ ทุกวันนี้สส.ตัวเองก็ไหลไปอยู่พรรคอื่น คะแนนเสียงพรรคตัวเองก็น้อยลงไปทุกวัน ลองอะไรใหม่ๆ บ้าง มิฉะนั้นวันหลังจะไม่เหลือพื้นที่ในสภาเลย น่าเสียดาย เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์มาโดยตลอด ขอให้มันท้าทายหน่อย ไม่ใช่มุกเดิมๆ มาพูดกันตลอดเวลา
“ที่จำไม่ผิดผมได้ยินท่านแสดงความเห็นถึงความมั่นคงในปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะอธิบายแบบนี้มาตลอด 20 ปีตั้งแต่สมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ ผมก็อยากเปลี่ยนมุมมองใหม่ แน่นอนว่าเรื่องนี้ความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ แต่เราพยายามมาแล้วหลายปี มันก็ยังไม่เวิร์ก เราก็ลองนำเรื่องโอกาสมาเสริมบ้างแล้วกัน เช่น ซอฟต์พาวเวอร์ อาหาร วัฒนธรรม เผื่อถ้ามั่งคั่งแล้ว มันคงจะมั่นคงตามมาบ้าง ผมมุ่งไปทางพัฒนา แต่ไม่ละเลยความมั่นคง เราเข้าใจอดีต แต่เรามองไปอนาคต เมื่อเราเป็นรัฐบาล ขอลองวิธีใหม่ๆ บ้าง เปิดใจให้กว้าง แนวทางการพัฒนาเราทำให้ทุกคนเจริญไปด้วยกันกับโอกาส ส่วนคนผิดก็เดินหน้าตามกระบวนการ ผมมั่นใจว่าภายใน 4 ปีนี้ ประเทศเราจะเจริญมากกว่าที่รัฐบาลอื่นๆ เคยทำมา ผมจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า นายกฯ คนนี้ จะไปทุกพื้นที่ จะมองเห็นทุกภูมิภาค และจะทำงานทุกวัน เพื่อคนไทยทุกคน ประชาชนเลือกนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองเลือกประชาชนไม่ได้ ทุกภารกิจของผมจะพิสูจน์คำพูดในวันนี้ เพื่อประชาชนทุกคน” นายกฯ กล่าว

ทำให้นายชวน ลุกขึ้นโต้ทันทีว่า ยืนยันว่าที่นายกฯ ไปพูดกับนักธุรกิจและบอกว่าอย่าไปเชื่อที่ตนพูด ตนไม่เคยพูดในสิ่งที่นายกฯ อ้าง การเลือกปฏิบัติตน พูดชัดเจนว่าพรรคไทยรักไทยเลือกปฏิบัติกับประชาชน โดยประกาศชัดเจนว่า จะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อน ส่วนจังหวัดอื่นเอาไว้ทีหลัง นี่ไม่ใช่มุกเดิมมุกเก่าแต่เป็นความจริงที่จะปรากฏตลอดไป คำตลบตะแลงไม่ยั่งยืน แต่ความจริงยั่งยืน
นายชวน กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าสิ่งที่นายกฯ ไปพูดไม่จริง ตนไม่พูดอะไรที่ไม่รับผิดชอบ และไม่กล่าวหาใครที่ไม่เป็นความจริง คนที่ไม่พูดจริง คนที่พูดโกหก กับพวกของโกงบ้านโกงเมืองพวกเดียวกัน ส่วนเรื่องยางก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่ท่านพูดคือให้ราคาดีตลอดไป ที่ให้ความเห็นก็เพื่อความเชื่อว่า ผลจากการปราบยางเถื่อน ไม่เกี่ยวกับอุปสงค์ อุปทาน แต่ตนคิดว่าอุปสงค์ อุปทานคือตัวสำคัญ

“ที่จริงแล้วก็เป็นประเด็นในเรื่องสาระเหล่านี้ไม่ควรไปพูดพาดพิงถึงพรรค อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคที่อยู่มานาน ไม่รับใช้พวกโกงบ้านโกงเมือง ไม่ใช่อีแอบเขามามีอำนาจโดยไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ขอให้ท่านนายกฯ อยู่ในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน ไม่ใช่ไปจดลอกอะไรมาอ่านมาพูด ในทำนองกระแหนะกระแหน ที่ผมพูดไป ผมรับผิดชอบ ไม่โกรธอะไรท่านเลยที่ท่านไปพูด และยืนยันว่า ท่านเข้าใจผิดว่าผมพูดว่าพรรคเพื่อไทย แต่ความจริงคือผมพูดในสมัยนั้นคือพรรคไทยรักไทย เพราะการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นในระหว่างนั้น และมีผลจนถึงทุกวันนี้ ท่านคงรู้บาปบุญคุณโทษ คงรู้ว่าสิ่งที่ท่านปฏิบัติไปในอดีตมีผลกระทบต่อความก้าวหน้าของภาคใต้ จึงขอความกรุณาให้ท่านชดเชยที่ทำให้ภาคใต้เสียโอกาส ขอให้ไปช่วยบอกนักธุรกิจว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริงที่ผมพูด” นายชวน กล่าว

ขณะที่นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ตนเคยอยู่พรรคไทยรักไทย นายชวนก็แผ่นเสียงตกร่องเกือบ 20 ปีแล้วอยู่เรื่อย ตนว่าควรเลิกพูดเสียทีเรื่องเก่าๆ เรามาเดินหน้า โตๆกันแล้ว เคยเป็นถึงอดีตนายกฯ
นายชวน จึงกล่าวสวนว่า ก็ยอมรับว่าอาจจะแผ่นเสียงตกร่องจริงๆ เพราะไอ้ความชั่วก็ยังอยู่เหมือนเดิม ถ้ามันเปลี่ยนไป ผมก็จะไม่ย้ำอยู่ที่เดิม แต่การทุจริต การเลือกปฏิบัติมีผลมาถึงปัจจุบันนี้ เราไม่ควรปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ลุกขึ้นประท้วงอีกว่า สิ่งที่นายชวน พาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยทำให้เกิดความเสียหายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกปฏิบัติ หรือการบริหารงานในอดีต สิ่งที่ท่านอภิปรายบอกว่าพูดแต่ความจริง แต่เป็นความจริงในความเข้าใจของนายชวน คนเดียวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะอภิปรายอะไร และสรุปในความคิดของตัวเอง และพาดพิงทำให้พรรคอื่นเสียหาย วันนี้เป็นการอภิปรายฯตาม มาตรา 152 มีอะไรก็อภิปรายได้เต็มที่ ถ้าพาดพิงพรรคการเมือง บรรยากาศมันก็ไม่จบ
นายชวน ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้คิดเอาเอง สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนพูดเลือกปฏิบัติ แต่ว่าไม่มีความประสงค์เอ่ยนาม เพียงบอกว่าเป็นอดีตนายกฯ เพราะอดีตนายกฯ ก็พูดตรงๆ ไม่ใช่แอบทำ พูดตรงๆ ต่อหน้าประชาชนว่าใครเลือกเราพัฒนาจังหวัดนั้นก่อน จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง มันก็เลยเสียโอกาส ยืนยันในความจริงที่ตนพูด

แต่นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจของผู้อภิปรายว่า แต่ละเรื่องเป็นความจริงความเท็จ เป็นความเข้าใจที่แตกต่างกันได้ แต่ถ้าจะสรุปทำให้พรรคการเมืองอื่นเสียหายก็ต้องลุกขึ้นประท้วง เช่น งบประมาณปี 67 ที่บอกว่าไม่มีลงไปในพื้นที่ภาคใต้ ตนในฐานะรองประธาน กมธ.งบประมาณฯ ก็เห็นงบประมาณลงไปในภาคใต้แล้วเป็นความจริงอย่างไร จะไม่มีเลยหรือที่จะไม่ลงไปในภาคใต้เป็นความจริงอย่างไร สส.ภาคใต้นั่งกันตาปริบๆ ไม่มีเงินสักบาทไปลงบ้านเลย เป็นไปได้อย่างไร
“ถ้าเป็นความเข้าใจของสมาชิกแต่ละคน ถ้าจะเอาเหตุและผลของผม และความเชื่อของผมมานำเสนอต่อสภาเพื่อโน้มน้าวสมาชิก ก็ทำได้เพราะเป็นสิทธิ แต่ถ้าจะสรุปความว่าสิ่งที่ท่านพูดทุกอย่างต้องเป็นความจริง แล้วพวกผมเป็นคนเลว แล้วพวกผมจะเดินต่ออย่างไร” นายจุลพันธ์ ระบุ
จากนั้นนายพิเชษฐ์ รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม วินิจฉัยว่า เรียนท่านผู้อาวุโส เขาก็ให้เกียรติท่าน ทั้งหลายทั้งปวงประชาชนเป็นผู้ตัดสิน สถานการณ์ของบ้านเมืองในอดีตมันเร็ว ประชาชนเขารับทราบทุกเรื่อง อะไรคืออะไร เราก็อยู่ในนี้เราก็พูดกันไป ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน จากนั้นได้ดำเนินการอภิปรายต่อไป.