สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ว่านายยาห์ยา ราฮิม ซาฟาวี ที่ปรึกษาอาวุโสของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน กล่าวว่า “อักษะแห่งการต่อต้าน” ที่เป็นการรวมตัวของพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลและตะวันตก “มีความพร้อมระดับสูงสุด” ในการเผชิญหน้ากับรัฐที่ป่าเถื่อนและโหดร้าย “ด้วยสิทธิอันชอบธรรมและถูกกฎหมาย” และทิ้งท้ายว่า “สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลทั่วโลกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”
Live update: Threatening Israel, senior Iranian official says Israeli embassies ‘are no longer safe’ https://t.co/C5IpWPSOXV
— ToI ALERTS (@TOIAlerts) April 7, 2024
ทั้งนี้ อิหร่านประกาศชัดเจนว่า “ต้องการเอาคืน” เหตุการณ์เครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของอิสราเอล ทิ้งระเบิด 6 ลูก โจมตีอาคารกงสุล ในบริเวณสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 13 ราย ในจำนวนนี้ 7 รายเป็นชาวอิหร่าน และทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) โดยผู้เสียชีวิตในจำนวนนี้ 2 ราย เป็นทหารยศนายพล
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ รัฐบาลและกองทัพอิสราเอลยังคงสงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อิสราเอลแทบไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีลักษณะนี้ แต่กล่าวว่า อิสราเอลจะไม่มีทางปล่อยให้อิหร่านและกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน เข้ามาตั้งฐานที่มั่นและซ่องสุมอยู่ในซีเรีย.
เครดิตภาพ : AFP