เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์เตียงผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า เตียงโควิดทั่วประเทศ มีประมาณ 230,000 กว่าเตียง ขณะนี้ครองเตียง 130,000 กว่าเตียงหรือ 55% แบ่งเป็นสีแดง 6,000 เตียง ใช้ไป 60% สีเหลือง 90,000 เตียง ใช้ไป 60% และสีเขียว 130,000 เตียง ใช้ไป 50% เฉพาะพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มี 54,000 เตียง ใช้ไป 26,000 เตียง คิดเป็น 50% ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ป่วยโควิดเริ่มลดลงทั้งผู้ป่วยรายใหม่ และผู้ป่วยอาการหนัก ประกอบกับผู้ป่วยโควิดกว่า 80% มีอาการไม่มากหรือกลุ่มสีเขียวไม่ต้องใช้เตียงในโรงพยาบาล แต่มีมาตรการแยกกักที่บ้าน (HI) และศูนย์พักคอยในชุมชน (CI)
นพ.ธงชัย กล่าวว่า ขณะนี้ ผู้ติดเชื้อใน กทม.เลือกเข้าระบบ CI ที่บ้านมากขึ้น อีกทั้งมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น ดังนั้นการใช้เตียงก็จะลดลง ส่วนปริมณฑลยังขึ้นๆ ลงๆ เช่น สมุทรปราการ ชลบุรี ที่เป็นห่วงคือภาคใต้ เขตสุขภาพที่ 11-12 โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดน ซึ่งมีแนวโน้มไม่ลดลง ยังทรงตัว ส่วนอัตราการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ทั่วประเทศจากเดิม 8-9 แสนเม็ด ตอนนี้ลดลงเหลือ 5 แสนเม็ดต่อวัน แต่ถึงแม้ทุกอย่างดีขึ้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ให้นโยบายเตรียมความพร้อมทุกด้าน ให้มีสำรองไว้อย่างน้อย 3 เดือน ตอนนี้เราเลยไม่มีคำว่าขาดยาและเวชภัณฑ์
นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า ตอนนี้เราอยู่ในโหมด Living with COVID-19 จะให้โควิดเป็นศูนย์ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องใช้มาตรการป้องกันตัวเองครอบจักรวาล 2. การตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิต (ATK) 3.ให้สถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนคลาย เข้มงวดมาตรการ COVID Free Setting พนักงานในร้านต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ต้องตรวจ ATK ทุกๆ 7 วัน และ 4. หลังเปิดเรียนแล้ว ถึงแม้นักเรียนจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังสามารถติดและแพร่เชื้อโควิดได้ ดังนั้นต้องระดมฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุ 60 ปี ผู้ป่วยเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อหรืออาการรุนแรง.