สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เป็นเจ้าภาพการประชุมความมั่นคงระดับไตรภาคีครั้งแรก ร่วมกับฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น โดยมีประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ และนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น เข้าร่วมด้วยที่ทำเนียบขาว เมื่อวันพฤหัสบดี


ทั้งนี้ ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐ “มีความมุ่งมั่นในระดับแข็งแกร่ง” ที่จะมอบความคุ้มครองด้านความมั่นคง ให้กับทั้งฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น โดยในส่วนของฟิลิปปินส์นั้น การโจมตีในรูปแบบใดก็ตาม ต่อเรือ เครื่องบิน และบุคลากรทางทหารของฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ในทะเลจีนใต้ เข้าข่ายที่สหรัฐจะใช้อำนาจตามข้อตกลงความมั่นคงระดับทวิภาคี ที่ลงนามร่วมกับรัฐบาลมะนิลา

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เป็นเจ้าภาพการประชุม ร่วมกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ และนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น ที่ทำเนียบขาว


ขณะที่มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งขับเคลื่อนนโยบายของฟิลิปปินส์ให้ใกล้ชิดกับสหรัฐ มากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้าของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต กล่าวว่า ความร่วมมือด้านความมั่นคงกับรัฐบาลวอชิงตัน “เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ” ส่วนผู้นำญี่ปุ่นกล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือด้านความมั่นคงหลายชั้น จำเป็นสำหรับยุคสมัยใหม่”


ก่อนหน้านั้น ไบเดนหารือกับคิชิดะ เมื่อวันพุธที่่ผ่านมา โดยมีการเห็นพ้อง บูรณะและปรับปรุงฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่น ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1960 มีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพทางทหารของญี่ปุ่นและสหรัฐ ในการป้องกันภัยคุกคาม ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดในทะเลจีนใต้ และช่องแคบไต้หวัน


ขณะเดียวกัน สหรัฐ ออสเตรเลีย และจีน เตรียมจัดทำ “เครือข่ายป้องกันทางอากาศร่วม” ด้านสหราชอาณาจักรเตรียมจัดการซ้อมรบร่วมกับกองทัพญี่ปุ่น และกองทัพสหรัฐ อนึ่ง สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และสหรัฐ เป็นพันธมิตรความมั่นคงไตรภาคีในนาม “ออคัส”


ด้านไบเดนยืนยันว่า การยกระดับความร่วมมือทางทหารกับญี่ปุ่น ที่ถือเป็น “หลังบ้าน” ของจีนนั้น มีวัตถุประสงค์ “เพื่อการป้องกันตนเองอย่างแท้จริง” และเป็นการดำเนินการที่ “ไม่ได้กระทบความมั่นคงของประเทศหนึ่งประเทศใด” ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจีนประณามการประชุมครั้งนี้ “เป็นเจตนาใส่ร้ายป้ายสี” รัฐบาลปักกิ่ง.

เครดิตภาพ : AFP