เมื่อวันที่ 12 เม.ย. น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการนำเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาใช้ในโครงการเติมเงินประชาชน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัล วอลเล็ต เป็นดีเอ็นเอเดียวกันกับโครงการรับจำนำข้าวในอดีต ว่า นายจุรินทร์ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมมากว่า 10 ปี เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง จึงไม่แปลกใจว่าทำไมความนิยมของพรรคต้นสังกัดของนายจุรินทร์จึงไม่พัฒนาไปไหน และยังดูตกต่ำลงด้วย อย่างไรก็ตาม โครงการเติมเงินผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา รัฐบาลจึงหน้าที่ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ และปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว รวมถึงสามารถระดมเงินฝากเพิ่มเติมได้เมื่อมีความจำเป็น ทัังนี้ ธ.ก.ส.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐ ดังนั้น หากรัฐบาลมีนโยบายที่จำเป็นต้องดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส. และอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของธ.ก.ส. ก็สามารถดำเนินการได้
น.ส.เกณิกา กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข้อกังวลว่าจะใช้เงินของเกษตรกรจากธ.ก.ส.มาใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายกฯได้ย้ำแล้วว่าจะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลเข้าใจว่าหลายฝ่ายกังวลเรื่องการกู้เงิน รัฐบาลพยายามหาทางลดความเสี่ยง และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการที่จะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกัน โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศ
“นายจุรินทร์ ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน สามารถท้วงติงและเสนอแนะข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและการบริหารประเทศไทยได้ แต่ไม่ใช่เอาผลประโยชน์ของประชาชนมาเป็นเครื่องมือตีกินเพื่อหวังผลทางการเมือง ขอฝากให้นายจุรินทร์มองไปที่ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ มากกว่าการเปรียบเทียบหรือสร้างวาทกรรมใดๆ เพื่อด้อยค่าโครงการที่มีเป้าประสงค์หลักคือ ประชาชนมาเป็นอันดับแรก”น.ส.เกณิกา กล่าว