สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการที่อิหร่านข่มขู่ใช้ปฏิบัติการตอบโต้อิสราเอล จากเหตุการณ์โจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านในซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย ในจำนวนนี้อย่างน้อย 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี ) รวมถึงทหารระดับนายพล 2 นาย ว่าโดยส่วนตัวเขามองว่า อิหร่านจะดำเนินการตามที่พูด


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันพร้อมปกป้องอิสราเอลเพื่อปกป้องอธิปไตย และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ปฏิบัติการของอิหร่านจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ


ขณะที่กองทัพอิสราเอลประกาศยกระดับระบบป้องกันทางอากาศ และชะลอการปลดประจำการทหารกองหนุน ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า อิสราเอลระงับการปฏิบัติงานตามสถานกเอกอัครราชทูตในหลายสิบประเทศ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย


อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสเตือนภัยประชาชน ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังอิสราเอล เลบานอน อิหร่าน และดินแดนปาเลสไตน์ ขณะที่สายการบินบางแห่ง อาทิ ลุฟต์ฮันซา ระงับเที่ยวบินไปและกลับระหว่างกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน และเลี่ยงการบินผ่านน่านฟ้าของอิหร่าน


ทั้งนี้ พล.จ. ยาห์ยา ราฮิม ซาฟาวี ที่ปรึกษาอาวุโสทางทหาร ของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน กล่าวว่า “อักษะแห่งการต่อต้าน” ที่เป็นการรวมตัวของพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลและตะวันตก “มีความพร้อมระดับสูงสุด” ในการตอบโต้อิสราเอล จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทิ้งท้ายว่า “สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลทั่วโลกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”.

เครดิตภาพ : AFP