“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือนครั้งใหม่ ขณะที่เงินดอลลาร์ ยังแข็งแกร่ง โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าตามภาพรวมของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ขณะที่เงินดอลลาร์ มีแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ประกอบกับมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด และท่าทีจากประธานเฟดและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ซึ่งหนุนการคาดการณ์ว่า เฟดอาจยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงไปอีกระยะ โดยจะยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้
เงินบาทยังคงอ่อนค่าจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ แต่กรอบการอ่อนค่าชะลอลงบางส่วน เพราะมีแรงประคองกลับจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับตลาดในฝั่งเอเชียระมัดระวังมากขึ้น หลังจากที่ทางการสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตกลงที่จะหารือร่วมกันเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
ในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.88 บาทต่อดอลลาร์ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือนครั้งใหม่ที่ 36.90 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 36.61 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (11 เม.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 17-19 เม.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยถึง 10,504 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,742 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 2,942 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 800 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (22-26 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.70-37.20 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ข้อมูลการส่งออกเดือน มี.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองของผู้บริโภคเดือน เม.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย และดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือน มี.ค. ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/67 (Advanced) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ การประกาศอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ของธนาคารกลางจีน และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน เม.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ