เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าขณะนี้มีปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ 46,027 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ซึ่งน้อยกว่าเมื่อปี 2566 จำนวน 2,232 ล้าน ลบ.ม. และมีปริมาณน้ำใช้การ 21,846 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อย อีกทั้งพบว่าต้องเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำ 4 แห่ง คือ 1.ภาคเหนือ เขื่อนสิริกิติ์ 2.ภาคอีสาน เขื่อนจุฬาภรณ์ 3.ภาคกลาง เขื่อนกระเสียว และ 4.ภาคตะวันออก อ่างเก็บน้ำคลองสียัด อย่างไรก็ตาม สทนช. ได้ขับเคลื่อนมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 เพราะตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566-12 เม.ย. 2567 ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 4 จังหวัด 8 อำเภอ 23 ตำบล เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาแล้ว คือ ภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ 1 อำเภอ 1 ตำบล, ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี 3 อำเภอ 3 ตำบล, ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 4 อำเภอ 19 ตำบล

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สทนช. ได้ติดตามพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจะขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายพื้นที่นอกเขตชลประทานที่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 2567 ซึ่งได้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาแล้ว 33 จังหวัด 65 อำเภอ 117 ตำบล รวมถึงได้แก้ปัญหาภัยแล้ง หลังจากปรากฏข่าวในสื่อออนไลน์ที่พบว่า จ.กระบี่ เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ไม่มีฝนในพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้น้ำในคลองกระบี่ใหญ่ลดลง จนไม่เพียงพอต่อการสูบผลิตได้เหมือนเดิม โดยปัจจุบันได้แก้ปัญหาแล้ง ด้วยการใช้น้ำจากแหล่งน้ำสำรองสระทับปริก มาเสริมแผนการจัดการ สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือภายใต้มาตรการรองรับฤดูแล้ง สทนช. เดินหน้าอย่างเต็มที่ และได้มีการลงพื้นที่เพิ่มเติมที่ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา และที่ จ.บึงกาฬ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน