เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งมีประชาชนบางส่วนมายืนด่าทอโห่ไล่ ว่า สะท้อนถึงความไม่พอใจในการบริหารราชการแผ่นดิน ลึกๆ คือส่วนที่มาที่ไม่ชอบ คือ มาด้วยการรัฐประหารและใช้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.โหวตให้ตัวเอง สุดท้ายบริหารล้มเหลวอย่างน้อยๆ 2 เรื่อง คือ โควิด-19 และเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ประชาชนเจ็บป่วย ล้มตายจำนวนมาก รวมถึงล้มละลายทางเศรษฐกิจ คนทั่วไปตกงานจำนวนมาก คนจึงมีความคับแค้นใจ ทั้งยังสร้างหนี้สาธารณะมากมาย ต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ต่อจีดีพี กู้แล้วกู้อีก ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ แต่ก็ยังทนอยู่โดยใช้การจัดการเรื่องอำนาจเท่านั้น

เมื่อถามถึงกระแสข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะยังไม่เคยออกมาพูด มองว่าสุดท้ายจะส่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ตนคิดว่ารอยร้าวจากกรณีที่มีการรัฐประหารภายในและล้มเหลวของพรรคพลังประชารัฐ ปีกของ พล.อ.ประวิตร ที่จะต่อปีกของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ร้าวเกินกว่าจะเยียวยา การพูดว่าทั้งพรรคเป็นเอกภาพ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อาจจะฟังแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก เพราะตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร ก็แยกกันเดิน โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็อยู่ปีก พล.อ.ประยุทธ์ จึงอยู่ในช่วงของการประลองกันว่าใครจะยึดพรรคพลังประชารัฐได้ หรือใครจะต้องออกไปตั้งพรรคใหม่ อย่างที่มีข่าวว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ หรือปลัดฉิ่ง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งพรรคใหม่เพื่อรองรับ ซึ่งใกล้ชิดกับ พล.อ.อนุพงษ์ และ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ ก็ไปอยู่ด้วย ดังนั้น จึงเป็นการประลองกันภายใน อยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร ใครจะสามารถเอาชนะในพรรคพลังประชารัฐได้

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ชนะ ก็อาจดึง ส.ส.มาอยู่ด้วยและอยู่พรรคพลังประชารัฐต่อไป แต่หากทำไม่ได้ต้องมีเป็น 2 พรรค ซึ่งมีโอกาสว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ายไปอยู่พรรคนายฉัตรชัย ที่สุดแล้วหากปะทะกันแรง เมื่อสภาฯ เปิดสมัยประชุมหน้า กฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่เข้ามาแล้วไม่ผ่านจะต้องยุบสภาหรือลาออก ก่อนจะมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องจัดการให้เรียบร้อย แต่ถ้าเอากันไม่ลงจริงๆ จัดการหรือเจรจากันไม่ได้ ตนว่าแนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่าคือการปรับ ครม. เอา พล.อ.ประวิตร ออกจากการเป็นรองนายกฯ ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงเหมือนกัน ในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งธงว่าจะอยู่ครบ 4 ปี และต้องการอยู่ในอำนาจต่อก็อาจจะต้องใช้ไม้นี้ พล.อ.ประวิตรเป็นรอง อย่าคิดว่าเป็นต่อ ถึงแม้การลงพื้นที่จะมี ส.ส.40 คนมาหนุน แต่หากปรับออกจากรองนายกฯ เมื่อไร บารมี พล.อ.ประวิตร ลดลงไปทันที ซึ่งจากพฤติกรรมต่างๆ ส่อไปในทางที่ 3 ป.จะแตก และปล่อยให้ พล.อ.ประวิตร โดดเดี่ยว.