เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภา นำสื่อมวลชนลงเรือตรวจโครงสร้างอาคารรัฐสภาที่บริเวณเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยกล่าวว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาใกล้ช่วงเวลาที่จะมีการตรวจรับงาน เพื่อส่งมอบให้ทางสภาแล้ว เหลือเพียงการแก้ไขสัญญาและการตรวจจุดบกพร่องต่างๆ จากนั้นก็จะเป็นการตรวจงานความเรียบร้อยของงานก่อสร้างในส่วนต่างๆ เพื่อเป็นการตรวจสอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติ 

นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2566 ตนเคยนำสื่อลงเรือตรวจฐานตอม่อของเขื่อน พบว่าเสาตอท่อฐานรากริมเขื่อน มีจุดเชื่อมของเสาตอม่อไม่ตรงกัน บางเสาเอียง บางเสาไม่สมดุล แต่ผู้รับเหมางานกลับแก้ไขด้วยการเอาแผ่นคอนกรีตมาปิดทับ แต่ก็ไม่เชื่อมต่อกันทั้งหมด ที่บางจุดที่เป็นร่อง ทำให้ทรายที่ถมภายในริมเขื่อนไหลออกมาได้ และเท่าที่สำรวจเห็นมีการนำปูนมาปิดร่องไว้ จึงได้พาวิศวกรมาร่วมตรวจด้วย ได้รับทราบว่า การปิดแบบนี้ ก็ปิดได้ไม่นาน หากทรายยังไหลออก ก็มีผลต่อตัวอาคาร ซึ่งหากก่อสร้างและแก้ไขจุดบกพร่องแบบนี้ ใครรับมอบงานมีปัญหาแน่ ตนจึงมาตรวจอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะส่งมอบงาน

“หากแก้ไขแบบนี้ จะส่งผลให้ในอนาคตจะเกิดปัญหาในเชิงโครงสร้างของเขื่อนริมน้ำได้ เพราะในวันนี้ เราไม่มั่นใจว่าเขื่อนริมน้ำของอาคารรัฐสภา จะมีความมั่นคงตามสเปกจริงหรือไม่ และตนยังพบว่า การก่อสร้างงานอาคารรัฐสภาใหม่ มีหลายส่วนที่ไม่ตรงสเปก ส่วนตัวไม่ได้โทษผู้รับจ้างก่อสร้าง แต่โทษคณะกรรมการตรวจรับการก่อสร้างว่า ในเมื่อเนื้องานไม่เรียบร้อย สมบูรณ์ กรรมการตรวจรับงานฯ กลับอนุมัติจ่ายเงินค่างวดงานไปแล้วได้อย่างไร มีเหตุผลอะไร และไม่เปิดเผยด้วย หากผมไม่ได้ตรวจสอบก็คงไม่รู้ว่า งานไม่เรียบร้อยแต่จ่ายเงินไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผมเคยทำหนังสือร้องเรียนถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเรื่องไปร้องเรียนที่ ป.ป.ช. ซึ่งถึงขณะนี้มีเรื่องที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้างรัฐสภาไปแล้ว 31 เรื่อง เมื่อมาเดินตรวจดูงานก่อสร้างส่วนต่างๆ กำลังคิดจะร้องต่อ ป.ป.ช. เพิ่มอีก 30 เรื่อง อาทิ ตู้ควบคุมไฟด้านนอกอาคารรัฐสภา ที่ทิ้งว่างเปล่าจำนวนมาก ทั้งนี้ ผมขอย้ำว่าอาคารรัฐสภาเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ จะต้องให้ความจริงจังในการก่อสร้างที่แข็งแรง และเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแต่ละยุคแต่ละสมัย บางคนเมื่อทราบปัญหาก็แก้ แต่บางคนก็ไม่แก้ไข ซึ่งตนได้ร้องต่อ ป.ป.ช. ไปแล้ว“ นายวิลาศ กล่าว.