เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 27 เม.ย. 67 จะมีพิธีพุทธาภิเษกเหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ วัดป่าสุทธาวาส อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ที่ระลึกในวาระครบ 8 รอบ 109 ปี หลวงปู่คีบ วัตถุประสงค์เพื่อถวายปัจจัยให้กับทางวัด ตลอดจนร่วมสร้างศาลาหอฉัน ศาลา 109 ปี และพัฒนาศาสนสถานต่างๆ ภายในวัด โดยทีมพี่เสือพร้อมผู้ร่วมบุญทุกๆ คน ได้ถวายปัจจัยเป็นเงิน 200,000 บาท

งบประมาณในการก่อสร้างส่วนแรก ยกโครงมุงหลังคาใช้งบประมาณ 1,250,000 บาท และคาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณจนแล้วเสร็จประมาณ 2 ล้านกว่าบาท โดยท่านที่ร่วมบุญ ไม่ว่าจองวัตถุมงคลทุกรุ่นที่กำลังจัดสร้างของแต่ละทีมสร้างก็ถือว่ามีส่วนในการร่วมสร้างศาลาในครั้งนี้

ในส่วนของเหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช มีการจัดสร้าง 199 ลัง ประกอบพิธี 3 วาระคือ วาระที่1 ปลุกเสกมวลสาร เเละหล่อนำฤกษ์ ปั้มนำฤกษ์ โดยหลวงปู่คีบเมตตากดปั้มให้ด้วยตัวท่านเอง วาระที่ 2 วันที่ 30 มี.ค. 2567 ปลุกเสกลังนำฤกษ์เเละรายการจอง พร้อมรายการลุ้นทุกรายการ เพื่อเกิดพุทธานุภาพสูงสุด โดยได้ถวายปัจจัยสมทบทุน 100,000 บาท

วาระที่ 3 วันที่ 27 เม.ย. 2567 หลวงปู่คีบ อธิษฐานจิตปลุกเสก ณ วัดป่าสุทธาวาส ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เริ่มเวลา 08.00 น. โดยนายนิภัทร์ สมาทร์อิมเมจ และป้อม สกลนคร ทีมงานพี่เสือ จะไปถวายปัจจัยอีก 100,000 บาท เพื่สมทบทุนสร้างศาลา 109 ปี ซึ่งขณะนี้เริ่มงานลงฐานล่างแล้ว ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญกับหลวงปู่โดยตรง สามารถโอนเข้าบัญชีหลวงปู่ได้ที่ ธ.กสิกรไทย 1802770029 “พระคีบ จำปา”

ผู้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวการจัดสร้างวัตถุมงคลของ “ทีมพี่เสือ” ได้ที่นี่…

สำหรับประวัติ หลวงปู่คีบ ธีรปญฺโญ มีนามเดิมว่า คีบ จำปา เกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2458 ในใบสุทธิและบัตรประชาชนได้ระบุ พ.ศ. 2463 เนื่องด้วยท่านเล่าว่ากำนันในสมัยนั้น แจ้งเกิดให้ท่านช้า

ด้วยระยะทางที่ไกลจากตัวอำเภอมาก ประกอบกับคนในสมัยนั้นเมื่อเด็กแรกเกิดมักจะเสียชีวิตในช่วงสองถึงสามปีแรก กำนันจึงมักจะแจ้งเกิดให้ตอนผ่านพ้นช่วงนี้ไป ที่บ้านเลขที่ 101 หมู่1 บ้านค้อ ต.บ้านค้อ อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบัน อ.โพนสวรรค์) จ.นครพนม

ท่านเป็นบุตรของคุณพ่อกวบ จำปา คุณแม่ปุ้ม จำปา มีพี่น้องร่วมกัน 6 คน 1. นายเสาร์ จำปา เสียชีวิตแล้ว 2. หลวงปู่คีบ (นายคีบ จำปา) 3. นายปาน จำปา เสียชีวิตแล้ว 4. นางปน จำปา 5. หลวงพ่อเปอร์ (นายเปอร์ จำปา) มรณะภาพแล้ว และ 6. นางวน อนุญาหงส์

ในวัยเด็ก เมื่อ พ.ศ. 2468 อายุ 10 ขวบ ได้เข้ารับการศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประถมศึกษาวิทยฐานะ พ.ศ. 2470 สำเร็จการศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านค้อ ต.บ้านค้อ อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบัน อ.โพนสวรรค์) จ.นครพนม

เมื่อพ.ศ. 2476 ได้บรรพชาเป็นสารเณร ที่วัดโพธิ์สุมบ้านค้อ ต.บ้านค้อ อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบัน อ.โพนสวรรค์) จ.นครพนม พระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อกงมา เจ้าอาวาส เดือน ม.ค. เมื่อ พ.ศ. 2476 อยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมบาลี ปริยัติธรรม อยู่กับพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง ต่อมาได้สมัครไปเล่าเรียนนักธรรมตรี ที่ สำนักวัดศรีทอง บ้านโพนสวรรค์ ต.โพนสวรรค์ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

ในสมัยนั้นมีพระอธิการเกิด เป็นเจ้าอาวาส และพระผู้สอนพระอาจารย์ผัน บ้านรามราช ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์จนจบเมื่ออายุครบ 19 ปี

อุปสมบทเมื่อ วันที่ 10 ก.พ. 2478 ณ พัทธสีมา วัดโพธิ์สุม บ้านค้อ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการบุญจันทร์ กตปุญโญ วัดโพธิ์สุม พระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการหนูพิน วัดโพธิ์ชัย พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์สวย วัดโพธิ์ชัย

ได้ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติพระกรรมฐานธุดงค์วัตรตามสถานที่ต่างๆ ปลีกวิเวก เข้ากราบศึกษาธรรมกับพระอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย วัดท่าดอกแก้ว หลวงปู่คาร คันธิโย วัดโพธิ์ชัยทั้งสองรูปเป็น ลูกศิษย์ผู้ใหญ่สายพ่อแม่ญาครูสีทัตถ์ ญาณสัมปัญโณ จวบจนสำเร็จสัพพระวิชาต่างๆ

ก่อนท่านจะทำการลาสิกขาเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ประกอบสัมมาชีพ ใช้ชีวิตปุถุชนทั่วไปเหมือนปกติ หลวงปู่ท่านเป็นคนขยันหมั่นหาความรู้ ในชีวิตของการเป็นฆราวาสของท่านได้ศึกษาตำรายาสมุนไพ รักษาโรค เป็นหมอธรรมและหมอยา เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพ และคาถากำกับในการปรุงยารักษาโรค ได้สมรสครองเรือนมีบุตรธิดา 2 คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว

ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2520 ได้ไปจำพรรษาที่วัดชุมพล บ้านพานพร้าว ต.พานพร้าว อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และได้ธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ ก่อนจะไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองบัว

ต่อมาใน พ.ศ. 2524 ท่านได้ทำการเข้าสอบนักธรรมชั้นตรี ได้รับผลสำเร็จนักธรรมชั้นตรี ต่อมาจนจบนักธรรมโท และนักธรรมชั้นเอกเป็นอันสูงสุด และกับออกมาธุดงค์วัตรเหมือนดังเดิม จนใน พ.ศ. 2527 ท่านธุดงค์ไปภูเพ็ค ได้สร้างกุฏิไหว้หนึ่งหลัง ใช้เวลาหลายปี พักการธุดงค์เพราะอายุที่มากขึ้น

พ.ศ. 2531 จึงธุดงค์กลับบ้านเกิด จำพรรษาที่วัดโพธิ์สุม ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม อยู่สักพักใหญ่ ท่านมีปัญหาด้านสุขภาพไม่สะดวกในการประกอบกิจของสงฆ์ ลูกหลานเลยให้ลาสิกขาเพื่อออกมารักษาตัวอยู่พักหนึ่งจวบจนปกติ ท่านจึงได้อุปสมบทอีกครั้งใน พ.ศ. 2540 จวบจนถึงปัจจุบันนี้ อายุ 109 ปี พรรษา 26

ณ ปัจจุบัน ท่านเป็นพระนักปฏิบัติและเมตตาสูง อีกทั้งยังเป็นหมอยารักษาคน แม้ท่านจะอายุมากแต่ก็แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวสุขภาพดี ท่านเป็นพระผู้มักน้อยสันโดษไม่รับยศตำแหน่งใดๆ