อิทธิฤทธิ์ของพายุโซนร้อน“เตี้ยนหมู่” ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสซ้ำเติมสถานการณ์โควิดที่ยังไม่คลี่คลาย และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ยังฝืดเคือง

ผลพวงของพายุเตี้ยนหมู่ยังทำให้ได้เห็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุยเดินสายลงพื้นที่ในภารกิจตรวจเยี่ยมสถานการณ์และผู้ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่สุโขทัย ชัยภูมิ แล้วมาที่นนทบุรี เจอทั้งกองเชียร์ห้อมล้อมและม็อบที่ออกมาขับไล่ โดยสัปดาห์หน้า “บิ๊กตู่” ยังมีภารกิจลุยภาคใต้ลงพื้นที่นครศรีธรรมราชต่อในวันที่ 7 ต.ค.นี้

ภาพที่ปรากฏออกมาปฏิเสธไม่ได้ว่า “บิ๊กตู่” ในยามนี้เหมือนเป็นนักการเมืองเต็มตัว ที่อยู่ในช่วงหาเสียงสู้ศึกเลือกตั้ง หลังจากที่เก็บตัวมานานตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดหนัก ท่ามกลางกระแสการตั้งพรรคใหม่ที่จะมี “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นแกนนำ และมี “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้การสนับสนุน พร้อมดัน “บิ๊กตู่” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ต่อ

ขณะเดียวกัน พี่ใหญ่อย่าง บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ขยับลงพื้นที่โคราชในภารกิจติดตามสถานการณ์อุทกภัยเช่นกัน แต่ไม่ว่า บิ๊กตู่ และ บิ๊กป้อม จะเคลื่อนไปจังหวัดใด ก็ถูกมองเป็นเรื่องการวัดพลังจำนวน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่แห่แหนกันไปต้อนรับว่าฝ่ายไหนมีมากกว่าและจากนี้ใครจะอยู่ใครจะไป หลังเอฟเฟกต์รัฐประหารโค่น “บิ๊กตู่ ที่ล้มเหลวของ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลูกรักของบิ๊กป้อม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด “บิ๊กป้อม ออกมายืนยันในที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐว่า ยังสนับสนุนน้องตู่เป็นนายกฯ ต้องตายจากกันไปข้างหนึ่ง ไปไหนกันไม่ได้ ไม่มีแตกแยก ไม่ขัดแย้ง และตนยังเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมคาดหวังว่าจะได้เสียง ส.ส. ถึง 120-200 เสียง

ไปๆมาๆ กลับตาลปัตรคล้ายเป็นศึกชิงตัว บิ๊กตู่ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรค “ปลัดฉิ่ง”ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการอวยกันเกินราคา ระหว่างที่ยังหาตัวแทนไม่ได้หรือไม่ เพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งปี 2562 บิ๊กตู่ ก็บอบช้ำสึกหรอไปตามสภาพ ทั้งจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ไม่กระเตื้อง และการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดที่ล้มเหลวอย่างที่เป็นอยู่

จึงไม่แน่ใจว่าชื่อ“บิ๊กตู่” จะยังมีมนต์ขลังที่จะเรียกเก้าอี้ ส.ส. ได้ถึงจำนวนที่ “บิ๊กป้อม” หรือพรรคน้องใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหวังไว้หรือเปล่า ที่สำคัญหากกติกาเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นระบบบัตร 2 ใบ ตามรัฐธรรมนูญที่ได้แก้ไขกัน ท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นพรรคพลังประชารัฐเองที่เสียค่าโง่ให้กับพรรค “เพื่อไทย” หรือไม่.