สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า กองทัพอิสราเอลยืนยัน การส่งรถถังไป “ปฏิบัติการควบคุม” ที่ฝั่งตะวันออก ของจุดผ่านแดนในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของปาเลสไตน์ และมีพรมแดนติดกับอียิปต์ ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า ปฏิบัติการดังกล่าว “เกิดขึ้นในวงจำกัดและมีเป้าหมายจำเพาะเจาะจง”


นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องอิสราเอลยุติปฏิบัติการดังกล่าว และกลับมาเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ทันที เพื่อไม่ให้สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ “เลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่”


ขณะที่นางคาริน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวของอิสราเอล ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ทั้งหมดโดยปริยาย “เป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับได้”

นายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล ลงพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ใกล้กับจุดผ่านแดนราฟาห์ เพื่อสังเกตการณ์ปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอล


ด้านนายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ใกล้กับจุดผ่านแดนราฟาห์ หลังมีการยืนยันปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ ว่าอิสราเอล “พร้อมประนีประนอม” กับกลุ่มฮามาส เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือตัวประกันที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา

ทว่าหากกลุ่มฮามาส “ปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้น” อิสราเอลไม่ลังเลที่จะยกระดับและรุกคืบปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์ ซึ่งอิสราเอลกล่าวมาตลอดว่า “คือฐานที่มั่นแห่งสุดท้าย” ของกลุ่มฮามาส นอกจากนี้ กัลลันต์ เตือนทุกฝ่ายด้วยว่า ปฏิบัติการทางทหารที่เมืองราฟาห์ “อาจยาวนาน” หลังก่อนหน้านั้นขอให้ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 100,000 คน อพยพออกจากพื้นที่


อีกด้านหนึ่ง คณะผู้แทนเจรจาของอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เยือนกรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์อีกครั้ง เพื่อร่วมการเจรจาครั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม คู่กรณีคืออิสราเอลและกลุ่มฮามาส ต่างยังคงเน้นย้ำจุดยืนเดิมของตัวเอง ที่แน่นอนว่า อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมรับ.

เครดิตภาพ : AFP