นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมธนาคารออมสิน สาขาจังหวัดเพชรบุรีว่า ได้ให้นโยบายเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มที่เป็นหนี้เสียที่มีมูลหนี้ 1 หมื่นบาทต่อราย โดยมีลูกหนี้ประมาณ 1 ล้านราย ซึ่งจะใช้งบประมาณเข้ามาช่วยเหลือ 1 หมื่นล้านบาท

“ลูกหนี้เสียกลุ่มนี้มาจาก 2 ธนาคาร คือ ออมสิน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ให้กู้ไปรายละ 1 หมื่นบาท ซึ่งมี 1 ล้านรายที่ยังค้าชำระอยู่ โดยรัฐบาลต้องการปลดหนี้ให้ เพื่อ ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวให้หลุดพ้นจากการติดสถานะเครดิตบูโร อย่างไรก็ดีการดำเนินงานอย่างดังกล่าว ไม่ได้เป็นการยกหนี้ให้ เพียงแต่เป็นปลดหนี้ให้ก่อน เพื่อให้หลุดจากแบล็คลิสต์ โดยรัฐบาลจะทยอยตั้งงบประมาณชำระคืนทั้ง 2 ธนาคาร ภายใน 2-3 ปี”

ส่วนลูกหนี้เสียกลุ่มที่มีมูลหนี้สูงกว่า 3 หมื่นบาทต่อราย เป็นกลุ่มที่เป็นภาระของธนาคารเพราะว่าต้องมีการตั้งสำรองหนี้สูญ เพราะฉะนั้น เพื่อลดภาระของธนาคารและลูกหนี้ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ใช้กลไก ของบริษัทร่วมทุน(เอเอ็มซี) ระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ กับบริษัทบริหารสินทรัพย์เข้ามาบริหารจัดการ

ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว ไม่ได้ใช้งบประมาณ ซึ่งดำเนินงานจะเป็นการจัดตั้งบริษัท เป็นการร่วมมือ ของธนาคารออมสินจะร่วมทุนกับบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาขั้นสุดท้ายของคณะกรรมการ (บอร์ด) BAM โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนนี้ และเริ่มเปิดรับบริหารหนี้เสียได้ในเดือนมิถุนายน 2567 นี้

“ในช่วงแรก บริษทบริหารหนี้จะเปิดรับเฉพาะ หนี้ของออมสินก่อน จากนั้นในระยะถัดไปจะปิดรับจากธนาคารรัฐอื่นๆ”

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า การช่วยเหลือลูกหนี้ 1 ล้านรายนั้น เป็นลูกหนี้ที่เคยกู้สินเชื่อฉุกเฉินโควิด ซึ่งดำเนินการผ่านธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. โดยแบ่งเป็นหนี้เสียของออมสิน 8 แสนราย และ ธ.ก.ส. 6 แสนราย ดังนั้นรัฐบาลจึงมีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวเพื่อปลดภาระหนี้ให้ เนื่องจากลูกหนี้ส่วนใหญ่ค้างชำระหนี้เพียง 3-5 พันบาท และใช้งบเพียง 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ขณะที่ความคืบหน้าการจัดตั้ง เอเอ็มซี ระหว่างออมสิน ร่วมกับ BAM ในสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน พ.ค. 67 เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในกระบวนการพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการ BAM

“ช่วงแรกจะทำการบริการหนี้เสียของออมสินก่อน โดยการรับโอนหนี้จะช่วยลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอี ที่มีมูลหนี้ไม่เกิน 20 ล้านบาท ซึ่งมีลูกหนี้ออมสินที่ต้องเข้าร่วม เอเอ็มซี 4 แสนราย เป็นมูลหนี้ 4 หมื่นล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวออมสินได้ตั้งสำรองเรียบร้อยแล้ว”

ทั้งนี้ หากดำเนินการสำเร็จจะช่วยลูกหนี้ได้หลายแสนคน ละการตั้งเอเอ็มซีนี้กำไรไม่มาก ซึ่งสาเหตุที่เลือก BAM เพราะเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการบริหารหนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้เป็นหนี้เสียปลดภาระหนี้ได้รวดเร็ว เพราะตามภารกิจของแบงก์ไม่สามารถแฮร์คัทหนี้ให้ลูกหนี้ได้ และลูกหนี้อาจติดเครดิตบูโรนานถึง 8 ปี แต่หากโอนหนี้เข้าเอเอ็มซี จะช่วยปลดหนี้ได้เร็วขึ้น เราเน้นช่วยเหลือลูกค้า