เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ จ.เพชรบุรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย (มท.2) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมู่ที่ 7 ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายสุวิทย์ พันธ์เสงี่ยม ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอธิราช กนกเวชยันต์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ร่วมลงพื้นที่ พร้อมพูดคุยกับผู้นำชุมชนและประชาชน เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ ณ บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมู่ที่ 7 ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี

นายทรงศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่วันนี้ พบว่า ตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี บริเวณตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน และยังมีอาคารบ้านเรือน ถนนที่ใช้เป็นเส้นทางในการสัญจรและการลำเลียงผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้รับความเสียหายจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ หากไม่ได้รับการป้องกันจะส่งผลให้ตลิ่งริมแม่น้ำมีการทรุดตัว สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ทำกิน บ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง รวมทั้งเส้นทางที่ใช้สัญจร ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตประจำวัน จึงสั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่น ประสานงานกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการแก้ปัญหาดังกล่าว และให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งรัดดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อให้เกิดความพร้อมในการจัดตั้งโครงการ นอกจากนี้ ยังกำชับให้เทศบาลประสานกับประชาชนให้รับทราบ และมีส่วนร่วมกับโครงการ เพื่อให้การออกแบบตรงตามความต้องการของประชาชนมากที่สุด และแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายพงศ์รัตน์ กล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยเร่งดำเนินการตามนโยบายของนายทรงศักดิ์ พร้อมบรรจุโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมู่ที่ 7 ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เข้าแผนงานก่อสร้างของกรมฯ เพื่อขอรับสนับสนุนงบประมาณปี 2568 หลังจากนั้น จะเร่งดำเนินการสำรวจ ออกแบบ และเตรียมความพร้อมของพื้นที่ในด้านต่างๆ เช่น การขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ของกรมป่าไม้ และการขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำของกรมเจ้าท่า เป็นต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการกัดเซาะตลิ่ง ส่งเสริมความมั่นคงของพื้นที่เกษตรกรรม ป้องกันความเสียหายต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่กว่า 210 ครัวเรือน

นอกจากนี้นายพงศ์รัตน์ มอบหมายให้ นายสักรินทร์ อินทรสถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นที่ร่วมกับ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเพชรบุรี ณ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเสน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ นายอำเภอบ้านลาด กล่าวรายงาน หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ร่วมลงพื้นที่

นายสักรินทร์ กล่าวว่า แต่เดิมพื้นที่ของ อบต.ท่าเสน ยังไม่ได้มีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง จำนวน 2 บริเวณ ได้แก่ บริเวณที่ 1 อยู่ใต้สายไฟฟ้าแรงสูง ความยาว 85 เมตร และ บริเวณที่ 2 ตั้งแต่จุดสิ้นสุดเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมู่ที่ 2 ระยะที่ 2 จนถึง สุดเขตรอยต่อ อบต.ท่าเสน กับ อบต.ถ้ำรงค์ ความยาว 107 เมตร ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม ทำให้ช่วงฤดูน้ำหลาก อบต.ท่าเสน ต้องทำคันดินชั่วคราวในการป้องกันน้ำท่วม จากปัญหาดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ กรมฯ ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมูที่ 1 ตำบลท่าเสน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ครอบคลุม 2 บริเวณดังกล่าว โดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันการกัดเซาะและพังทลายของดินบริเวณริมตลิ่ง ป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตรกรรม และถนนสาธารณะริมแม่น้ำ

ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเสน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ดำเนินการแล้วเสร็จทุกพื้นที่ โดยประกอบด้วย ระยะที่ 1 ความยาว 324 เมตร ระยะที่ 2 ความยาว 372 เมตร และบริเวณบ้านไร่หมัน 160 เมตร รูปแบบของเขื่อนเป็นเขื่อนชนิดตอกเสาเข็ม สันเขื่อนเป็นพื้นทางเท้า ราวกันตก บ่อพักพร้อมท่อระบายน้ำ คันหิน ค.ส.ล. และคันดินถมตลอดด้านหลังแนวเขื่อน ฐานเขื่อนทิ้งหินใหญ่ตามแนวลาดเอียง 1:1:5 และงานก่อสร้างบันได ค.ส.ล. สามารถป้องกันปัญหาน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของ อบต.ท่าเสน 8.15 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ 5,092 ไร่) ประชาชนได้รับประโยชน์ 942 ครัวเรือน สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนของกรมโยธาธิการและผังเมือง ในการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม