นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช กำชับให้หน่วยงาน อุทยานแห่งชาติทางทะเล ติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวอย่างใกล้ชิด พร้อมให้นโยบายดูแลรักษาระบบนิเวศทางทะเลอย่างเข้มข้น สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกิดปะการังฟอกขาวนั้น เกิดจากสภาพแวดล้อมน้ำทะเลผิดปกติ อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น เป็นผลกระทบมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยปรากฏการณ์เอลนีโญ เกิดจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยจากการกระทำของมนุษย์เข้ามาส่งผลกระทบเพิ่มมากขึ้น เช่น คราบน้ำมันจากเรือโดยสาร สารบางชนิดในครีมกันแดดที่ส่งผลกระทบต่อปะการัง โดยอุณหูมิเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. 67 ที่ผ่านมา น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิ 30-32 องศาฯ ทำให้ปะการังเริ่มมีสีซีด และเกิดการฟอกขาว ภาวะที่ปะการังมีสีซีดจางลง จนเห็นเป็นสีขาว เป็นผลมาจากการสูญเสียสาหร่ายที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง ซึ่งเมื่อใดที่สภาพแวดล้อมในทะเลมีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดสภาวะไม่เหมาะสม สาหร่ายดังกล่าวจะออกจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงเนื้อเยื่อใส เห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูนที่อยู่ภายใน และทำให้ปะการังตายในที่สุด

โดยในวันที่ 12 พ.ค. 67 เวลา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ดำเนินการลงพื้นที่สำรวจบริเวณที่ได้รับรายงานว่าพบเจอปะการังฟอกขาว ผลปรากฏ ดังนี้
1.บริเวณเกาะแดง อุณหภูมิน้ำทะเล 32 องศาเซลเซียส ที่ระดับความลึก 4 เมตร พบปะการังฟอกขาว 60% มีสีซีด 20% ชนิดปะการังที่พบการฟอกขาว ได้แก่ 1. ปะการังโขด (Porites sp.) 2. ปะการังวงแหวน (Favia sp.) 3. ปะการังรังผึ้ง (Goniastrea sp.) 4. ปะการังเขากวาง (Acropora sp.)
2.บริเวณเกาะไก่ (อ่าวค้างคาว) อุณหภูมิน้ำทะเล 32 องศาเซลเซียส ที่ระดับความลึก 2 เมตร พบปะการังฟอกขาว 60% ชนิดปะการังที่พบการฟอกขาว ได้แก่ 1. ปะการังเขากวาง (Acropora sp.)
3.บริเวณเกาะไก่ด้านทิศเหนือ อุณหภูมิน้ำทะเล 32 องศาเซลเซียส ที่ระดับความลึก 2-3 เมตร พบปะการังฟอกขาว 70% ปะการังมีสีซีด 5% ชนิดปะการังที่พบการฟอกขาว ได้แก่ 1. ปะการังโขด (Porites sp.) 2. ปะการังเขากวาง (Acropora sp.)
4.บริเวณเกาะปอดะด้านทิศเหนือ (หน้ามาตังหมิง) อุณหภูมิน้ำทะเล 32 องศาเซลเซียส ที่ระดับความลึก 2 เมตร พบปะการังฟอกขาว 70% ปะการังมีสีซีด 10% ชนิดปะการังที่พบการฟอกขาว ได้แก่ 1. ปะการังโขด (Porites sp.) 2. ปะการังเขากวาง (Acropora sp.)
5.บริเวณเกาะปอดะ (อ่าวปูหยา) อุณหภูมิน้ำทะเล 32 องศาเซลเซียส ที่ระดับความลึก 1-2 เมตร พบปะการังฟอกขาว 50% ปะการังมีสีซีด 5% ชนิดปะการังที่พบการฟอกขาว ได้แก่ 1. ปะการังโขด (Porites sp.) 2. ปะการังวงแหวน (Favia sp.) 3. ปะการังรังผึ้ง (Goniastrea sp.) 4. ปะการังเขากวาง (Acropora sp.)

ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการัง รวมถึงลดผลกระทบจากกิจกรรมประเภทต่างๆ ที่อาจเป็นการเร่งให้ปะการังเกิดการฟอกขาว กรณีจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนหรือมีเหตุฉุกเฉินที่จะต้องกระทำการหรืองดเว้นการกระทำใดๆ ในอุทยานแห่งชาติเพื่อรักษาสภาพธรรมชาติ ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 25 และ 35 (4) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ขอประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวสำหรับประกอบกิจกรรมดำน้ำตื้น (Snorkeling) และกิจกรรมดำน้ำลึก (Scuba diving) ดังนี้
- สำหรับประกอบกิจกรรมดำน้ำตื้น (Snorkeling) ได้แก่ บริเวณเกาะไก่ด้านทิศเหนือ เกาะไก่ ด้านทิศตะวันออก เกาะไก่ด้านทิศตะวันตก (อ่าวค้างคาว) เกาะปอดะทิศเหนือ (หน้ามาตังหมิง) เกาะปอดะ (อ่าวปูหยา) เกาะแดง อ่าวไร่เล (เกาะรังนกหรือเกาะแฮปปี้) เกาะยาวาซัม และแนวปะการังโดยรอบเป็นการชั่วคราว
- สำหรับกิจกรรมดำน้ำลึก (Scuba diving) ได้แก่ บริเวณเกาะยาวาซัม และแนวปะการังโดยรอบเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. เป็นต้นไป ไปจนกว่าสถานการณ์การฟอกขาวของปะการังจะคลี่คลายลง ทั้งนี้ยังเปิดให้บริการแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ รวมถึงปฏิบัติงานตามภารกิจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-7565-6150 และทางเพจ Facebook หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] รายละเอียดปรากฏตามแผนที่แนบท้ายประกาศนี้ ตามประกาศอุทยานแห่งชาติฯ ฉบับลงวันที่ 13 พ.ค. 67
ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมต่างๆ จากมนุษย์ ที่อาจเป็นการเร่งให้ปะการังเกิดการฟอกขาวในพื้นที่ไปมากกว่าเดิม ทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังในขณะเกิดการฟอกขาว และเป็นการให้ปะการังได้พักฟื้นตัว จนกว่าสถานการณ์การฟอกขาวของปะการังจะคลี่คลายลง.