สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ว่า รายงานของเอ็นจีโอสังเกตการณ์การพลัดถิ่นในประเทศ ระบุว่า ความขัดแย้งในซูดานและฉนวนกาซา ส่งผลให้จำนวนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศทั่วโลก แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 75.9 ล้านคน เมื่อสิ้นปี 2566

ไอดีเอ็มซีระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นระดับสูงที่สุดครั้งใหม่ในช่วงปลายปี และเมื่อพิจารณาจากจำนวนดังกล่าว จำนวนผู้พลัดถิ่นภายในเขตแดนตนเองเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อปี 2565 มีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ 71.1 ล้านคน

รายงานประจำปีเกี่ยวกับการพลัดถิ่นภายในประเทศทั่วโลกระบุว่า ผู้คนกว่า 68.3 ล้านคนทั่วโลก ต้องพลัดถิ่น เนื่องจากความขัดแย้งและความรุนแรง ขณะที่อีก 7.7 ล้านคน พลัดถิ่นเนื่องจากภัยพิบัติ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้พลัดถิ่นจากความขัดแย้งเพิ่มขึ้น 22.6 ล้านคน และเพิ่มขึ้นมากที่สุด 2 ครั้ง เมื่อปี 2565 และ 2566

ขณะที่ผู้พลัดถิ่นในซูดาน เพิ่มขึ้นถึง 9.1 ล้านคน สูงที่สุดที่เคยบันทึกไว้ในสถิติรายประเทศ ตั้งแต่เริ่มทำการบันทึกเมื่อปี 2551 ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของผู้พลัดถิ่นทั้งหมดอาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นผู้คนหนีออกจากบ้าน เนื่องจากความขัดแย้งและความรุนแรงเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าตกใจ” น.ส.อเล็กซานดรา บีลัก ผู้อำนวยการไอดีเอ็มซี กล่าว “ความขัดแย้งและความหายนะที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ทำให้ผู้คนนับล้านไม่สามารถสร้างชีวิตใหม่ได้ บ่อยครั้งจะจบลงในเวลาหลายปี”

ทั้งนี้ ไอดีเอ็มซียังคงติดตามจำนวนผู้พลัดถิ่น และการถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐานในประเทศสำหรับผู้พลัดถิ่นบางคน อาจเกิดขึ้นหลายครั้ง เมื่อปี 2566 มีผู้ที่ถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน 46.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 20.5 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นจากความขัดแย้งและความรุนแรง ขณะที่อีก 26.4 ล้านคน หนีจากภัยพิบัติ

การสู้รบในซูดาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) และดินแดนปาเลสไตน์ คิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของการพลัดถิ่นครั้งใหม่ของประชาชน เนื่องจากความขัดแย้ง เมื่อปี 2566

ในฉนวนกาซา ชาวปาเลสไตน์ 1.7 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในสิ้นปี 2566 โดยมีผู้อพยพใหม่ถึง 3.4 ล้านคน หลังสงครามในฉนวนกาซาเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว กลายเป็นสงครามนองเลือดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น ในประวัติศาสตร์ของฉนวนกาซา

ตลอดทั้งปี 2566 มีการบังคับให้ผู้คนย้ายถิ่นฐานเนื่องจากความรุนแรงในซูดานถึง 6 ล้านครั้ง ซึ่งมากกว่าในช่วง 14 ปีที่ผ่านมารวมกัน นับเป็นการโยกย้ายถิ่นฐานโดยบังคับ สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ภายใน 1 ปี รองจากยูเครน ซึ่งมีผู้พลัดถิ่น 16.9 ล้านคน เมื่อปี 2565

ขณะเดียวกัน การพลัดถิ่นโดยบังคับเนื่องจากภัยพิบัติเกิดขึ้นกว่า 26.4 ล้านครั้ง โดย 1 ใน 3 เกิดขึ้นในประเทศจีนและตุรกี เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและแผ่นดินไหวรุนแรง

อนึ่ง องค์กรไอดีเอ็มซีก่อตั้งขึ้นโดยสภาผู้ลี้ภัยนอร์เวย์ (เอ็นอาร์ซี) เมื่อปี 2541

“เราไม่เคยบันทึกจำนวนผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่นได้มากเท่านี้ มันเป็นคำตัดสินเลวร้าย ที่ส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการป้องกันความขัดแย้งและสร้างสันติภาพ” นายยาน เอเกอลันด์ เลขาธิการเอ็นอาร์ซี กล่าว “การขาดการคุ้มครองและความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้ผู้คนนับล้านคนต้องทนทุกข์ ไม่ควรปล่อยให้ดำเนินต่อไปได้”.

เครดิตภาพ : AFP