เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่ห้องประชุม Grand Hall 202-203 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน SUBCON Thailand 2024 โดยมี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ประธานผู้แทนการค้าไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม 

โดยนายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันโลกของเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านหลายทั้งเรื่องของสถานการณ์โลก ซึ่งเป็นเรื่องที่เปราะบางมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐอเมริกา และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนหรือแม้กระทั่งฮามาส กับอิสราเอล ซึ่งประเทศเราถูกเอฟเฟกต์เป็นอย่างมาก แต่การดำเนินการนโยบายความเป็นกลางของประเทศไทยมาตลอดในช่วงหลายรัฐบาลที่ผ่านมาจน กระทั่งถึงรัฐบาลนี้ความเป็นกลางและจุดยืนทางด้านการเมืองที่เราไม่เป็นคู่ขัดแย้ง เราเป็นผู้ที่สนับสนุนให้มีความสงบในทุกภูมิภาค ถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับคนไทยทุกคน นอกเหนือจากนี้ เรื่องที่เราสนับสนุนให้มีจุดยืนที่เป็นกลางทางด้านการเมือง ก็ส่งผลในเชิงบวกอย่างมหาศาลให้กับภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องแรกที่ทุกคนพูดถึงเรื่องมาตรการสนับสนุนภาษีที่เราไม่เป็นสองรองใคร

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนท่าเรือน้ำลึก ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเฟสที่ 3 แล้ว ถึงแม้จะมีการดีเลย์ไปมาก แต่เราก็มีการตกลงกันและเร่งให้ท่าเรือน้ำลึกเฟส 3 ให้เสร็จตามเวลาให้ได้ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนและพอใจ เราไม่ได้มอง 3 ปีหรือ 5 ปี แต่เรามองไปถึง 10 ปี และ 20 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงการแลนด์บริดจ์ ถือเป็นโครงการใหญ่ ซึ่งตนมั่นใจว่าผลตอบแทนในการลงทุนจะเหมาะสม และมีความมั่นคงทำให้ประเทศ เราสามารถเป็นจุดที่มีการเปลี่ยนผ่านสินค้าไปได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วโลก โครงการแลนด์บริดจ์ตนไม่ได้มาขายนโยบายรัฐบาลอย่างเดียว แต่อยากจะเชื้อเชิญให้ทุกท่านมองไปให้ไกลในอนาคตด้วย การขนส่งทางเรือถือเป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด และจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงแม้การลงทุนวันนี้จะประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงอยู่ แต่มั่นใจว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน เหนือสิ่งอื่นใดความเป็นกลางของประเทศไทย ในการดำเนินนโยบายทางการทูต เรามีความมั่นใจว่าเราไม่ได้เอียงไปชาติใดชาติหนึ่ง และทำให้เขามีความสบายใจในการที่จะมาลงทุนและสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย

“ถ้ามีใครทะเลาะกับใคร ก็มั่นใจว่าประเทศนี้จะให้ความยุติธรรม ในการขนสินค้าของเขาไปทั่วโลก การลงทุนตรงนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่การค้าอย่างเดียว แต่จะจะเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง และมีความเป็นกลาง เป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียได้ ถ้าเกิดใครจะมาทะเลาะกับใคร เราไม่สนใจ เราค้าขายอย่างเดียว เราอยากให้ประเทศไทยมีความมั่นคงตรงนี้ เราอยากให้นักธุรกิจ และนักอุตสาหกรรมทุกท่านที่มาลงทุน มีความสบายใจว่าใครจะทะเลาะกับใครก็ตามที แต่ประเทศไทยไม่เข้าข้างใคร เรายึดมั่นในความสงบสุข เราค้าขายอย่างเดียว เราจะทำให้เรื่องของกระบวนการผลิตไม่ถูกสะดุด เรายืนยันว่าโครงการแลนด์บริดจ์ จะเป็นโครงการที่สำคัญมากกว่า เช่น การซื้อเรือดำน้ำ หรือเครื่องบินรบก็ตามที” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในเรื่องอุตสาหกรรมรถอีวี รัฐบาลส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ให้มีการตั้งโรงงานรถไฟฟ้าอุตสาหกรรม ให้ไทยเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และผู้ผลิตค่ายรถยนต์อีวีมีหลายรายก็กำลังเจรจาใกล้จะมีความสำเร็จแล้ว โดยตั้งเงื่อนไขให้มีการชิ้นส่วนผลิตในประเทศไทยด้วย ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าอุตสาหกรรมไทยจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทำให้เราเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน ตนยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ขอให้มั่นใจว่าที่ตนพูดทุกเวทีว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการลงทุน แต่ส่วนลึกของหัวใจ ทุกท่านมีความกังวลว่าต่างชาติจะเข้ามายึดครอง ยืนยันว่าเราพัฒนาควบคู่กันไปประเทศไทยเปิดแล้ว รัฐบาลนี้ก็เปิดแล้ว ที่จะช่วยภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่นและอุตสาหกรรมของประเทศไทย ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาห่วงโซอุปทานทั้งหมดของประเทศไทย เพื่อให้มีการเจริญเติบโตไปคู่กับประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และกิจกรรมภายในงาน.