เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 111/1 หมู่บ้านเลคไซค์การ์เด้นวิลล์ ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผศ.ดร.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายสตรี 20 จังหวัดภาคอีสานและอดีตแกนนำคนเสื้อแดงขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้คนเสื้อแดงในภาคอีสานตื่นเต้นและดีใจที่จะได้พบกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาภาคอีสานในรอบ 18 ปี

ภายหลังจากที่มีความชัดเจนว่า นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีในดวงใจ จะเดินทางมาเป็นประธานงานฌาปนกิจศพ นายวิชัย ช่างเหล็ก คนขับรถคู่ใจ ซึ่งมีกำหนดฌาปนกิจศพในวันที่ 25 พ.ค. ที่วัดสังฆชินาราม หมู่ 3 ต.โนทอง อ.สีดา จ.นครราชสีมา โดยขณะนี้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มแนวร่วม นปช. แม้กระทั่งคนที่รักในตัวคุณทักษิณ มีการนัดหมายและพูดคุยถึงการเดินทางมาต้อนรับ ให้กำลังใจและพบปะกับคนที่ทุกคนรอคอยมานานกว่า 18 ปี โดยคาดการณ์คนเสื้อแดงทั้งภาคอีสานอย่างน้อยจังหวัดละ 1-2 คันรถตู้นับรวมกว่า 1,000 คนจะพร้อมใจกันใส่เสื้อสีแดง ถือธงสีแดง มายืนรอรับคุณทักษิณ ที่วัดตั้งแต่เวลา 12.00 น. ในวันที่ 25 พ.ค. ที่จะถึงนี้

“ทุกวันนี้สังคมมองว่าทุกคนกำลังแกล้งพระเอก ใส่ร้ายพระเอก ซึ่งก็ทำให้คนไทยกว่า 10 ล้านคนที่ให้การสนับสนุนและรักในคุณทักษิณ นั้นเห็นใจและให้กำลังใจ วันที่ 25 พ.ค. ที่จะถึงนี้จะเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่าพลังรักและพลังศรัทธานั้นมีมากขนาดไหน ซึ่งโดยส่วนตัวได้มีการประสานท่านรัฐมนตรีและแกนนำในระดับพื้นที่ในการร่วมติดธงสีแดงบริเวณโดยรอบหมู่บ้านและในจุดที่คุณทักษิณจะเดินทางไป และการพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีแดงเพื่อแสดงพลังรัก พลังศรัทธาและแม้ว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดแต่ก็จะพยายามยืนตั้งแถวในจุดที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ได้จับมือ และพูดคุยกับคุณทักษิณและแม้จะเข้าไม่ถึงคนเสื้อแดงเชื่อว่าเราทุกคนมองตาก็รู้ใจกันแล้ว” ผศ.ดร.พรรณวดี กล่าว

ผศ.ดร.พรรณวดี กล่าวต่ออีกว่า โดยส่วนตัวเสียใจกับการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง ซึ่งเสียชีวิตระหว่างอดอาหารประท้วงเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีการเมือง ซึ่งยอมรับว่าน้องมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ในการเรียกร้องสิทธิในระบอบประชาธิปไตย แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าใครหนุนหลัง ใครส่งเสริม และใครสนับสนุน ดังนั้นคนที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้น้องบุ้งทำจนนำมาสู่การเสียชีวิตและการสูญเสียของคนในครอบครัว ก็ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือกระทำการใดๆ ให้กับครอบครัวน้องเพื่อเป็นการเยียวยา ไม่ใช่นิ่งเงียบ เพราะเราทุกคนรู้ว่าการต่อสู้กันเพื่อเรียกร้องการได้มาซึ่งประชาธิปไตยนั้นเราผ่านอะไรกันมาแล้วบ้าง ซึ่งเป็นภาพจำที่ทุกคนนั้นไม่มีวันลืมเลือน.