ได้ฤกษ์เสียที! หลังจากมีข่าวมาตลอดว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะหารือด่วนกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือผู้ว่าการแบงก์ชาติ จากเหตุความขัดแย้งกับรัฐบาล โดยเฉพาะกับตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เห็นต่างกับนโยบายกันหลายเรื่อง
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า นายพิชัย รมว.คลังคนใหม่ ได้เชิญนายเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ มาพบเพื่อหารือกันถึงที่กระทรวงการคลัง ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ในเวลา 10.00 น.
เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาล กับ แบงก์ชาติ
1. ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ไม่เห็นด้วยกับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล
โดยแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินมาแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตมาอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาลปรับเปลี่ยนรูปแบบแหล่งที่มาของเงิน จากการกู้ 500,000 ล้านบาท เป็นใช้เงินงบประมาณปี 2567, งบประมาณปี 2568 และเงินสภาพคล่องจาก ธ.ก.ส. และ ‘แบงก์ชาติ’ ย้ำว่า ไม่ได้มีปัญหากับโครงการ แต่ควรแจกเฉพาะกลุ่มอย่างคนรายได้น้อยที่ใช้เงินน้อยกว่ามาก และเงิน 500,000 ล้านบาท สามารถนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้อีกหลายโครงการ
2.แบงก์ชาติ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลหลายเรื่อง
เช่น แจกเงินช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เพราะมองว่าปัจจุบันราคาข้าวสูง ค่าปุ๋ยถูก และกังวลปัญหามอรัลฮัดซาร์ด หรือพฤติกรรมผิดๆ รอความช่วยเหลือซ้ำซ้อน
3.แบงก์ชาติ ไม่ยอมลดดอกเบี้ย
ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ ได้พูดกดดันแบงก์ชาติให้ลดดอกเบี้ยมาตลอด เพื่อช่วยเหลือประชาชนคนกู้เงิน, ลดต้นทุนให้ภาคธุรกิจ และอาจรวมถึงลดต้นทุนกู้เงินของรัฐบาลที่ต้องการมาใช้กับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต จนนายกฯ เศรษฐา เรียกนายแบงก์ 4 ธนาคารใหญ่ ขอร้องให้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยกลุ่มเปราะบาง โดยธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ ยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มอาร์อาร์ 0.25% นาน 6 เดือน เพื่อช่วยกลุ่มเปราะบาง คนมีบ้าน และเอสเอ็มอี
4.การเมืองตั้งคำถามความเป็นอิสระของแบงก์ชาติ
จากกรณี ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีพูดถึงความเป็นอิสระของแบงก์ชาติ และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ จนบุคคลหลากหลายวงการ แสดงความเห็นออกมาปกป้องแบงก์ชาติ และเห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของแบงก์ชาติ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ได้เชิญผู้ว่าการแบงก์ชาติมาพบ รับประทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันในหลายเรื่อง มีทั้งเรื่องเห็นต่าง และเห็นด้วย โดยในขณะนั้นนายกฯ เศรษฐา ได้บอกว่า ไม่มีความขัดแย้งกัน มีความเห็นต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่นาน ความเห็นต่างกันในหลายเรื่อง ก่อตัวกลายเป็นความขัดแย้งใหญ่ในเวลานี้
ต้องจับตาดูว่าการพูดคุยระหว่าง “รมว.คลัง” กับ “ผู้ว่าการแบงก์ชาติ” ในครั้งนี้ว่าจะเป็นอย่างไร จะเป็นกาวใจให้กับรัฐบาลได้หรือไม่ ท่ามกลางกระแสรัฐบาลต้องการปลดตัวผู้ว่าการแบงก์ชาติออกจากตำแหน่ง เดี๋ยวคงรู้กันในเร็วๆ นี้!