เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เปิดเผยกับผู่สื่อข่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาคดี นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) และพวกรวม 10 คน ที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดก เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ นางสาวอ้อมใจ (สงวนนามสกุล) กับพวกชาวบ้านในพื้น ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวม 5 คน เป็นจำเลย หลังจากทั้งหมดเข้าไปตั้งแผงค้าขายอาหารทะเล 5 แผง ในที่ดินโฉนดเลขที่ 8324 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยให้ทั้งหมดย้ายออกไป ห้ามยุ่งเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวอีก พร้อมเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 และ 2 จำนวน 12,000 บาทต่อเดือน และจำเลยที่ 3 ถึง 5 จำนวน 6,000 บาทต่อเดือน

โดยศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้องตามศาลอุทธรณ์ โดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาว่า พยานหลักฐานของจำเลยนำสืบได้สอดคล้องต้องกัน โดยเฉพาะการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณที่ดินพิพาท พ.ศ. 2493, 2510, 2519, 2538, 2545 และ 2552 พบว่าหมู่บ้านชาวเลราไวย์ปลูกสร้างอยู่ในสวนมะพร้าว ตั้งแต่ปี 2493 แล้ว รวมทั้งการขุดค้นพบโครงกระดูกบริเวณที่พิพาทโดยนักโบราณคดีกรมศิลปากร และการตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูกที่พบกับชาวเลราไวย์ในปัจจุบัน โดยสถาบันนิติวิทยาสตร์ พบว่ามีความเกี่ยวพันเป็นบรรพบุรุษของชาวเลราไวย์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีสำเนาทะเบียนนักเรียนของโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้พื้นที่พิพาทมากที่สุด พบว่ามีชาวเลราไวย์ เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2498 และภาพถ่ายการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาที่ชุมชนราไวย์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2502 มีภาพชาวเลราไวย์ร่วมรับเสด็จ มีบ้านพักอาศัยลักษณะเป็นหมู่บ้านและมีต้นมะพร้าวจำนวนมาก ศาลอุทธรณ์ ภาค 8 พิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น และเห็นว่าโฉนดที่ดินพิพาทออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาเป็นที่สุด จะเป็นบรรทัดฐานของการยอมรับสิทธิในที่ดินของชาวบ้านที่อยู่อาศัยและทำกินในบริเวณนั้นมาเนิ่นนาน ก่อนมีการออกเอกสารสิทธิใหม่มาทับ ซึ่งทำให้การออกเอกสารสิทธิใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องดูการดำเนินการเพิกถอนเอกสารโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ โดยกรมที่ดินต่อไป.