เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะที่ปรึกษาของคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินนอกระบบ พร้อมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายณรงค์ ศรีระสัน อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย ในฐานะผู้แทนอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สศช.) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดแผนปฏิบัติการแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน

โดยนายชาดา กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบไประยะหนึ่ง ซึ่งมีผู้ที่เป็นลูกหนี้มาลงทะเบียนแล้วกว่า 100,000 ราย แต่ยังไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะยังมีคนไทยจำนวนมากที่ยากจนและไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ จึงนำไปสู่การกู้นอกระบบที่เรียกเก็บดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยยังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ทั่วประเทศ จึงขอประกาศไปถึงเจ้าหนี้และลูกหนี้นอกระบบให้ออกมาแสดงตัว มาให้ความร่วมมือกัน รัฐบาลยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเราใช้วิธีทางรัฐศาสตร์มาใช้ เพื่อให้ประชาชนมีแหล่งเงินกู้โดยไม่ผิดกฎหมาย สามารถใช้หนี้ในอัตราที่ไม่ทารุณโหดร้าย ส่วนเจ้าหนี้จะได้รับเงิน

นายชาดา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กรณีเจ้าหนี้นอกระบบ จะต้องมาขึ้นทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรม สถานีตำรวจ หรือสถานที่ของหน่วยงานฝ่ายปกครอง ตั้งแต่วันนี้ (16 พ.ค.) ถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้ เพื่อเข้าสู่กรอบของกฎหมาย แต่ถ้าไม่มาลงทะเบียนในระยะเวลาดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสรรพากร กระทรวงการคลังจะใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางภาษีในการตรวจสอบตามขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมสรรพากรจะตรวจสอบรายได้และภาษีของตัวเจ้าหนี้และครอบครัวด้วย ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. นี้ ถือเป็นโอกาสของเจ้าหนี้ที่จะมีทางรอดและจะได้ทำมาหากินแบบถูกกฎหมาย

“หากเรายังมีปัญหาหนี้นอกระบบ ก็เหมือนรัฐบาลโปรยฝนลงมาแล้วหายหมด หญ้าไม่ขึ้น ความงอกเงยทางเศรษฐกิจหายหมด เพราะมีการลักดูดน้ำไป เราจะไม่ยอมให้คนไทยกู้หนี้นอกระบบเพื่อเอาไปใช้หนี้อีก รัฐบาลจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เดดไลน์ครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายแก่คนทำผิดกฎหมายอยู่จะมีทางรอด ขอย้ำว่าให้มั่นใจว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องจะปลอดภัยไม่ถูกดำเนินคดีและช่วยคนไทยในทางอ้อม และใครที่โดนจับก็ต้องถูกตรวจสอบทางภาษี แต่คนที่อยู่เบื้องหลัง นั่งเป็นเจ้าพ่อเงินกู้อยู่ในประเทศประเทศไทยทุกวันนี้ ต้องเดินเข้าสู่ระบบ มิฉะนั้นจะเจอการตรวจสอบที่เข้มข้น” นายชาดา กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีของข้าราชการที่เป็นเจ้าหนี้นอกระบบด้วย ถ้ามาลงทะเบียนกับรัฐ จะไม่มีผลต่อตำแหน่งหน้าที่การงานหรือไม่ นายชาดา กล่าวว่า การแก้ปัญหาเรื่องหนี้ดังกล่าวมีผลต่ออนาคต เราจะไม่พูดถึงเรื่องความหลัง สำหรับเจ้าหนี้ที่เป็นข้าราชการด้วย ก็ขอให้เร่งลงทะเบียน มิฉะนั้นอาจโดน 2 เด้ง ทั้งโทษเรื่องการปล่อยกู้นอกระบบและโทษทางวินัยของราชการ

ด้านนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การทำงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สิน แม้มีการดำเนินการเปิดรับลงทะเบียนไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นไปตามเป้า และมั่นใจว่ายังมีประชาชนที่อยู่ในภาวะที่เป็นหนี้นอกระบบเหลืออยู่ จึงขอให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มาลงทะเบียนภายในวันที่ 31 พ.ค. นี้ เพื่อให้เจ้าหนี้และลูกหนี้เข้าระบบการไกล่เกลี่ย ซึ่งทำให้เจ้าหนี้ได้เงินคืน และลูกหนี้ก็จะได้มีช่องทางในการชำระคืนตามกรอบที่กฎหมายกำหนด กรณีของเจ้าหนี้นอกระบบอยากให้ตระหนักว่ากำลังทำผิดกฎหมายอยู่ในลักษณะเอาเปรียบลูกหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลยอมไม่ได้ ส่วนลูกหนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็มีการคุ้มครองเจ้าหนี้ด้วย คือต้องได้รับเงินต้นให้ครบจำนวน แต่หากไม่มาลงทะเบียน ก็ถือว่าเจ้าหนี้ไม่ต้องการที่จะได้รับเงินคืนรัฐก็จะไม่สามารถคุ้มครองได้ และในการดำเนินการทุกฝ่ายพร้อมที่จะให้ความคุ้มครอง ทั้งเรื่องความปลอดภัยและสิทธิทางกฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการคุ้มครองลูกหนี้นอกระบบขอยืนยันว่าเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นเรื่องที่สำคัญโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดไว้เป็นความสำคัญในลำดับต้น โดยมีศูนย์การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบขึ้นมาดูโดยเฉพาะ ที่ผ่านมา ได้ระดมกวาดล้างมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 รวมถึงจับกุมในคดีผู้ที่คิดอัตราดอกเบี้ยเกินกำหนดและยึดทรัพย์ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจและมาเข้าระบบที่ถูกต้อง มิฉะนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายและถูกยึดทรัพย์ สำหรับการคุ้มครองความปลอดภัย ขอให้ไว้ใจว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วจะได้รับการดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี ขณะที่การทำงานระหว่างตำรวจและอัยการในเรื่องของการยึดทรัพย์เป็นไปด้วยดี มีการส่งฟ้องและดำเนินการเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

ด้านนายณรงค์ กล่าวว่า กรณีของประชาชนจะที่มาลงทะเบียน แต่ไม่สามารถหยุดงานได้นั้น สำนักงานอัยการสูงสุดทั่วประเทศได้เปิดบริการรับลงทะเบียนในวันเสาร์ด้วย ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.