เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 ร่วมจับกุม น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.136/2566 ลงวันที่ 10 มี.ค. 2566 ฐาน “ฉ้อโกง” โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณภายในร้านจำหน่ายรถไฟฟ้า ภายในตลาดล้านเมือง หมู่ 6 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

สืบเนื่องจากผู้ต้องหา ชักชวนหลอกให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อโควตาลอตเตอรี่ ในราคากล่องละ 42,500 บาท (ลอตเตอรี่ 1 กล่อง มี 500 ใบ) โดยจะได้รับผลกำไรตอบแทนเป็นเงิน กล่องละ 2,000 บาท ผู้เสียหายมีความสนใจที่จะร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,711,630 บาท ต่อมาผู้เสียหายกลับไม่ได้รับปันผลตามที่ได้ตกลงไว้ และพยายามขอเงินคืน แต่ผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมคืนเงิน จนไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมาศาลอาญาพระโขนงได้พิจารณาอนุมัติหมายจับ เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงความผิดฐาน “ฉ้อโกง” แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยใดสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ ผู้เสียหายจึงเข้ามาแจ้งในเพจ “สืบนครบาล IDMB” เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องการที่ยังหลบหนี มาดำเนินคดีให้ได้ และเชื่อว่ายังมีประชาชนอีกหลายรายถูกคนร้ายรายนี้หลอกให้ร่วมลงทุน ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท กระทั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช สั่งการให้สืบสวนจนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้

สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ไปอบรมเป็นผู้ช่วยพยาบาลจนได้รับใบประกาศ และมาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลชื่อดังในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ปี ต่อมาเมื่อช่วงประมาณปี 2558 รัฐบาลได้มีการเปิดให้บุคคลทั่วไปสมัครลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิซื้อจองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตนได้ไปลงทะเบียนจนได้รับสิทธิโควตามาจำนวน 1 กล่อง ก่อนจะลาออกจากงานผู้ช่วยพยาบาล แล้วมาเร่ขายลอตเตอรี่ตามสิทธิที่ตนได้

ผู้ต้องหาให้การอีกว่า จากนั้น เมื่อช่วงประมาณปี 2562-2563 หลังจากมีประสบการณ์จากการได้รับสิทธิโควตาลอตเตอรี่และการขายลอตเตอรี่ ตนเห็นช่องทางที่จะสามารถสร้างผลกำไรต่อยอดจากอาชีพนี้ได้ จึงทำการติดต่อซื้อสิทธิโควตาลอตเตอรี่จากคนที่ได้สิทธิ แต่ไม่ได้นำลอตเตอรี่มาขาย เพื่อตนจะได้นำไปขายต่อให้ผู้สนใจโดยคิดกำไรส่วนต่าง จนมีคนรู้จักติดต่อมาเพื่อร่วมลงทุนด้วยกว่า 10 ราย โดยแต่ละรายร่วมลงทุนรายละประมาณ 3-5 ล้านบาท โดยช่วงแรกที่ราคาลอตเตอรี่ไม่แพงมาก ธุรกิจนี้สร้างผลกำไรให้ตนเป็นอย่างดี

“กระทั่งช่วงประมาณปี 2563 ที่สถานการณ์โควิดระบาดอย่างรุนแรง ทำให้ลอตเตอรี่ขายไม่ได้ ประกอบกับราคาลอตเตอรี่มีการผันผวนไม่คงที่ แต่ตนยังต้องแบกภาระเพื่อคืนกำไรให้แก่ผู้ร่วมลงทุนจำนวนเท่าเดิมทุกงวดตามที่ตกลงกันไว้ จึงได้นำเงินทุนจากผู้ที่สนใจลงทุนเพิ่ม นำไปจ่ายคืนกำไรให้แก่ผู้ร่วมลงทุนไปก่อน เพื่อให้ผ่านพ้นเป็นงวดๆ ไป จนท้ายที่สุดตนไม่สามารถหากำไรมาจ่ายให้แก่ผู้ร่วมลงทุนได้ ทั้งที่ตนพยายามถึงขนาดต้องไปกู้เงินนอกระบบมาหมุนเพื่อเป็นกำไรให้แก่ผู้ร่วมลงทุน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด จึงได้หลบหนี” อดีตผู้ช่วยพยาบาล กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย ตลอดจนศึกษารายละเอียดของการลงทุนแต่ละรูปแบบให้ชัดเจนเสียก่อน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที

จากการตรวจสอบทราบข้อมูลว่าปัจจุบัน ผู้ก่อเหตุรายดังกล่าว มีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีอยู่ จำนวน 4 หมายจับ ประกอบด้วย 1.หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.136/2566 ลงวันที่ 10 มี.ค. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ท้องที่ สน.คลองตัน 2.หมายจับศาลจังหวัดตราด ที่ จ.56/2567 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.หนองบอน ภ.จว.ตราด 3.หมายจับศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ 22/2566 (คดีหมายเลขดำ ที่ อ 507/2565, คดีหมายเลขแดง ที่ อ 146/2566) ลงวันที่ 13 ก.พ. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และ 4.หมายจับศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 439/2566 (คดีหมายเลขดำ ที่ อ184/2566, คดีหมายเลขแดง ที่ อ 597/2566) ลงวันที่ 17 ต.ค. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”