เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่รัฐสภา น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายสถานการณ์โควิด-19 ถึง “วิกฤติการบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยโควิด-19” ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยตกค้าง ต้องรอการช่วยเหลืออยู่ในที่พักอาศัยของตนเอง ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลอย่างยิ่ง ทั้งตัวผู้ป่วยและบุคคลรอบข้าง ต่อการได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที พร้อมเสนอให้มีมาตรการควบคู่ในระหว่างเร่งจัดหาเตียง ไม่ให้ผู้ป่วยต้องรออย่างไร้ความหวัง

สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยสามารถกักตัวที่บ้านได้ หรือ Home Isolation นั้น ผู้ป่วยต้องมีสถานที่ที่พร้อมระดับหนึ่ง รวมถึงมีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง ปัจจุบันคนจำนวนมากยังเข้าใจผิดว่า Home Isolation เป็นการรออยู่ที่บ้านเฉยๆ โดยไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์  จึงต้องสื่อสารในประเด็นนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น

ส่วนกรณีผู้ป่วยที่ไม่พร้อมสำหรับ Home Isolation และยังไม่มีเตียงรองรับ ที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยและบุคคลใกล้ชิดเกิดความรู้สึกเคว้งคว้าง ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป จึงต้องชี้แจงให้ผู้ป่วยเข้าใจว่ากำลังจัดหาเตียงให้ ไม่ได้ปล่อยไว้เฉยๆ รวมถึงวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องในระหว่างรอการประสาน ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตอาการเบื้องต้น การต้องกักตัวไม่ออกไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่น เป็นต้น และที่สำคัญเบอร์ติดต่อควรมีผู้รับสาย พร้อมให้การช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ในระหว่างรอการประสานจากโรงพยาบาลนั้น ขอให้พิจารณาจ่ายยา  “ฟ้าทะลายโจร” ให้กับผู้ป่วยและคนในครอบครัว ที่อยู่ในกลุ่มที่สามารถรับยานี้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง จนยากที่จะช่วยเหลือเมื่อถึงมือแพทย์ เนื่องจาก “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณยับยั้งการเติบโตของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วจากผลวิจัยหลายชิ้น และปัจจุบันได้รับการลงทะเบียนในบัญชียาหลักเรียบร้อยแล้ว รวมถึงต้องการให้ส่งเสริมอย่างจริงจังให้ส่งออกสมุนไพรไทยและตำรับยาไทยสู่นานาชาติ

ทั้งนี้ “การสื่อสารในภาวะวิกฤติ” ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ที่ผ่านมายังพบว่ามีหลายครั้งที่การสื่อสารจาก ศบค. กับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศและประชาชน จึงขอเสนอให้ กทม.ได้ประสานความร่วมมือกับส่วนกลางมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สื่อสารข้อมูลให้กับประชาชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และไม่ลังเลที่จะให้ความร่วมมือในเรื่องต่างๆ ที่ภาครัฐได้ประกาศออกไป.