สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ว่า ประชาชนในสหราชอาณาจักร มากกว่า 30,000 คน รวมถึงเด็ก ติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ เช่น เอชไอวี และไวรัสตับอักเสบ หลังได้รับเลือดที่ปนเปื้อน ระหว่างช่วงทษวรรษที่ 1970 ถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 1990
รายงานที่เปิดโปงเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหราชอาณาจักร ปกปิดเหตุการณ์ข้างต้นติดต่อกันมาเป็นเวลานาน
UK Blood Scandal Victims To Receive Payouts This Year – Govthttps://t.co/zs4j48EiEQ pic.twitter.com/0lymyEVytn
— Channels Television (@channelstv) May 21, 2024
ด้านนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ผู้นำสหราชอาณาจักร กล่าวขอโทษ “อย่างสุดหัวใจและชัดเจน” พร้อมกับให้สัญญาว่า จะดำเนินการชดเชยความเสียหายให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยล่าสุด นายจอห์น เกล็น สมุหบัญชีกลางของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า เหยื่อจะได้รับเงินงวด 210,000 ปอนด์สเตอร์ลิง (ราว 9.7 ล้านบาท) ภายใน 90 วัน ก่อนรัฐบาลลอนดอนดำเนินแผนการขั้นสุดท้าย
“เราคาดหวังว่า การจ่ายค่าชดเชยความเสียหายงวดสุดท้าย จะเริ่มก่อนถึงสิ้นปีนี้” เกล็น กล่าวเพิ่มเติม และเน้นย้ำว่า เงินเยียวยาของเหยื่อแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งรัฐบาลลอนดอนประมาณการว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับเงินชดเชยสูงถึง 2.6 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ราว 120 ล้านบาท)
อนึ่ง นอกจากผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,000 ราย ผู้ป่วยที่รอดชีวิตหลายคน ก็มีอาการป่วยไปตลอดชีวิต ส่งผลให้เหตุการณ์อื้อฉาวนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “หายนะด้านการรักษาครั้งใหญ่ที่สุด” ในประวัติศาสตร์ 80 ปีของหน่วยงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ของสหราชอาณาจักร.
เครดิตภาพ : AFP