เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 67 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ. ว่า ที่ประชุมจะพิจารณาเพื่อติดตามปัญหา ภายหลังจากการลงพื้นที่ อ.แม่สอด โดยมีปัญหาว่าไทยกำลังจะเป็นแบตเตอรี่ทุนสีเทา ทั้งมีเสาไฟฟ้าที่ส่งสัญญาณไปฝั่งตรงข้าม บริษัทที่รับสัมปทานอาจเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับธุรกิจสีเทา เราเป็นห่วงเรื่องนี้ และได้รับข้อมูลมาว่าอาจมีการเซ็นสัญญาในส่วนโครงข่ายที่ได้ตัดไปแล้ว ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเมืองชเวโก๊กโก่ ซึ่งกำลังพิจารณากัน โดยจะต้องคุยกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ว่าจะอนุมัติโครงการนี้จริงหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันชเวโก๊กโก่ ต้องพึ่งพาน้ำมันเพื่อปั่นไฟตลอด จากที่ทราบมาคือการขายคอนโดฯ ที่นั่น จะโฆษณาว่าไฟติด 4-5 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าไฟไม่ได้ติดตลอด แต่หากเราส่งไฟไป ธุรกิจพวกนั้นก็จะดำเนินการตลอดเวลา รวมถึงมีเสาสัญญาณฝั่งเมียวดี 60 เสา ซึ่งบางเสาทำงานอยู่ จะต้องดูว่าจะรื้อหรือไม่ โดยเป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียก กสทช. บริษัทเครือข่ายมือถือมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วย พยายามทำอย่างไรให้ทรัพยากรของชาติ ตกอยู่ในมือของอาชญากรสีเทาน้อยที่สุด


เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยกับรัฐบาลหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คุยแน่นอน วันที่ 31 พ.ค. นี้ จะไปสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพราะเขามีหน้าที่ต้องดูแลภาพรวม และกำลังหาโปรแกรมเดินทางไปกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องนี้รัฐบาลทราบ เคยคุยกันในที่ประชุมอภิปรายทั่วไป ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็รับปากว่าให้เป็นวาระสำคัญ แต่จนถึงวันนี้ความคืบหน้ามีน้อยมาก ซึ่งตอนนี้พูดไปถึงการให้สัมปทานต่อไฟไปยังชเวโก๊กโก่ เป็นเรื่องที่ตนเองไม่เห็นด้วยแน่นอน และอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ดี ว่าถ้าเรื่องนี้ดำเนินต่อไป จะสร้างปัญหาต่อคนไทยแน่นอน กลายเป็นเราสนับสนุนธุรกิจสีเทาเหล่านี้ให้มาหลอกลวงคนไทย กลายเป็นสิ่งปกติใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคม
เมื่อถามว่า ในส่วนยอดการจับกุมไม่น่าพอใจ จนทำให้ปัญหาไม่หายไปใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บางส่วนน่าพอใจ เช่น จ.นครศรีธรรมราช มีการจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาเปิดในประเทศไทย แม้จะขยายจับตัวการใหญ่ยังไม่ได้ แต่หลังจากที่กรรมาธิการกระทุ้งรองนายกรัฐมนตรี พบว่าท้องถิ่นในพื้นที่ ก็หลบหนีไป จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่าแล้วปล่อยไว้ทำไม ซึ่งในส่วนต่างประเทศยังไม่เห็นความคืบหน้าเท่าไหร่

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประชาชนกังวลว่า อ.แม่สอด พึ่งพาการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก โดยราคาตั๋วโดยสารแพงมาก และผู้โดยสารส่วนมากเป็นคนจีน จึงเป็นที่น่าตั้งคำถามว่า สถานที่ท่องเที่ยวใน อ.แม่สอด มีธรรมชาติ หรือสถานที่อื่นหรือไม่ จึงทำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา แต่เมื่อดูแล้วก็ไม่มี จึงเป็นเหตุผลเดียวคือ อ.แม่สอด เป็นทางผ่านไปเมียวดี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นปกติ
“อยากให้รัฐบาลจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมคิดว่าถ้าปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ไม่ดีอย่างแน่นอน แล้วดูจากแนวโน้มเท่าที่เราไปสำรวจกันมา ผู้สื่อข่าวหลายท่านที่ไปลงพื้นที่ติดตามกรรมาธิการไป ก็จะเห็นว่าเมืองเหล่านี้ยังคงเติบโตต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว.