นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางพร้อมคณะ ได้แก่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมและสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพล โดยจุดแรก ที่ตึกประชารักษ์ ชั้น 1 โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส โดยมี นพ.พรประสิทธิ์ จันทระ ผอ.รพ.นราธิวาสฯ, พลโท ศานติ ศกุนนาค แม่ทัพภาคที่ 4, พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9, นาย สิทธิชัย สวัสดิ์แสน รอง ผวจ.นราธิวาส, พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส และผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดย นายสุทิน รมว.กลาโหม ได้เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัด ร.151 พัน 3 คือ ส.อ.วุฒิศักดิ์ ชูบุญศรี อายุ 32 ปี และ อส.อีก 4 นาย ประกอบด้วย 1.หมู่โท อาดือมัน มะดิง อายุ 52 ปี 2.อส.อ.มาหาเดร์ มามะ อายุ 43 ปี 3.อส.อ.ลุกมัง เง๊าะ อายุ 39 ปี 4.อส.อ.รีดูวัน แวบือซา อายุ 38 ปี ซึ่งทั้ง 5 นาย บาดเจ็บจากเหตุคนร้ายวางระเบิด 3 ลูก ที่ อ.เจาะไอร้อง ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว หลังจากนั้น รมว.กลาโหม ได้เดินทางไปยังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อรับฟังภาพรวมสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดเหตุขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยล่าสุด 2 เหตุการณ์ ที่บ้านไอร์ยามู ต.เกียร์ อ.สุคิริน และที่บ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ทำให้ทหารและ อส.เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายนาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ EOD สาหัส 1 นาย

“ขอเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับกำชับและกำกับดูแล ให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท อันจะก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน นำมาซึ่งความเสียใจต่อครอบครัวและผู้ร่วมงาน ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่สร้างปัญหาที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือใช้ขยายผลในการก่อเหตุต่อไป ห้ามไม่ให้กำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเป็นอันขาด และขอให้ดูแลสิทธิและสวัสดิการต่างๆ แก่กำลังพล เพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละและทุ่มเท ขอบคุณทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสามารถและทุ่มเท ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผมเดินทางมาตรวจเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพลในพื้นที่” รมว.กลาโหม กล่าวให้โอวาทกำลังพล

หลังจากนั้น นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า จากการรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เราได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่จะต้องไม่ประมาท ซึ่งหน่วยที่จะถูกโจมตีมากที่สุดคือ อส. ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ที่มักจะคิดว่าเป็นบ้านของตัวเอง ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น รู้จักหน้าตาก็เลยเกิดความประมาท ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเน้นย้ำเรื่องการไม่ประมาท และในส่วนของการปฏิบัตินั้น ต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะ อส. ต้องผ่านการฝึกที่เข้มข้นเหมือนกับทหาร และในตอนนี้เราก็มอบให้ทหารดูแลเป็นพี่เลี้ยงทำการฝึก สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ประจำวัน เช่น การออกคุ้มครองครู คุ้มครองหน่วย จะต้องรู้จักวิธีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีบ้าง ซึ่งถ้าเรายังคงใช้วิธีเดิม ไปแบบเดิม เวลาเดิมและเส้นทางเดิมก็อาจจะเป็นเป้าได้ เชื่อว่าตอนนี้ฝ่ายทหารจะมีการฝึก อส. ให้เข้มแข็งได้ โดยคิดว่ากำลังหลักหรือกำลังที่อยู่หน้างานที่จะต้องประเชิญกับผู้ก่อเหตุก็คือ อส. ขณะนี้เรายกระดับของ อส. ให้เข้มแข็งขึ้น และมอบภารกิจที่สำคัญ เลยกลายเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุความรุนแรง

นอกจากนี้ รมว.กลาโหม ยังได้กล่าวถึงกรณีการพูดคุยเจรจากับกลุ่ม BRN ซึ่งคณะพูดคุยฯ ทำหน้าที่ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากว่ากลุ่ม BRN ยังมุ่งมั่นในอุดมการณ์เดิมอยู่ หรือการพูดคุยเจรจาแล้วไม่ได้ผล เราก็คงต้องมีการปรับในส่วนของเรา แต่เชื่อมั่นว่าคณะพูดคุยฯ จะทำหน้าที่ได้ดี อย่างไรก็ตาม ทางด้าน่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภาค 9 เปิดเผยถึงเคสของ จ.ส.ต.วรวิทย์ ณะรัตตะ อายุ 35 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.ปพ.ภ.จว.นราธิวาส (ทำหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดฯ) ซึ่งเหยียบกับดักระเบิดขณะเข้าตรวจสอบเหตุระเบิด อส.ที่ อ.สุคิริน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยขาทั้งสองข้างขาด ล่าสุดรักษาตัวที่ รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีพิเศษได้ติดตามหาเบาะแสของกลุ่มก่อเหตุ จนทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มไหน โดยเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับในเร็วๆ นี้ ขณะที่แหล่งข่าวความมั่นคงรายหนึ่งระบุว่า แกนนำก่อเหตุที่ทำให้ จ.ส.ต.วรวิทย์ ณะรัตตะ บาดเจ็บสาหัสคือ นายอับดุลเลาะ ปูละ และนาย อิบรอเฮง มะสาแม ซึ่งทั้งสองรายมีหมายจับคดีความมั่นคงหลายหมาย