นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ที่ จ.พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามดูว่าสาเหตุของราคาที่ปรับตัวลดลง เป็นเพราะสาเหตุอะไร และให้ตรวจสอบการรับซื้อของลานเท และโรงงานสกัดว่ามีการรับซื้อผลปาล์มดิบเป็นปกติหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร ส่วนจะมีมาตรการดูแลหรือไม่นั้น ยังเร็วเกินไปเพราะต้องขอดูข้อมูลรายงานข้อเท็จจริงก่อน
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบ อยู่ที่เฉลี่ย กก.ละ 4.60 บาท บางพื้นที่ 5 บาทกว่า ซึ่งสาเหตุที่ราคาปรับลดลง เนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าปกติ และผลผลิตไม่ค่อยมีคุณภาพ จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ผลปาล์มสุกแดด ไม่ได้สุกธรรมชาติ และเปอร์เซ็นต์น้ำมันน้อยลง ทำให้มีการรับซื้อตามเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ลดลง จึงส่งผลต่อราคาขายของเกษตรกร แต่คาดว่าจากนี้ไป สถานการณ์น่าจะดีขึ้น เพราะผลผลิตเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ทั้งนี้ ได้กำชับไปยังผู้ประกอบการจุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน (ลานเท) และโรงงานสกัด ให้รับซื้อผลปาล์มตามปกติ ห้ามชะลอการรับซื้อ และห้ามทำให้ผลปาล์มน้ำมันร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และขอให้เกษตรกรตัดปาล์มที่แก่จัด เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูง และขายได้ราคาดี รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบการรับซื้อและความเที่ยงตรงของเครื่องชั่งของลานเทและโรงสกัดน้ำมันปาล์มด้วย เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร
สำหรับผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 67 คาดว่า จะมีปริมาณ 18.12 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยที่ได้ 18.27 ล้านตัน แต่ยังมีปริมาณเพียงพอสำหรับส่งออก โดยสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณ 3 ล้านตัน แยกเป็นการบริโภคในประเทศ 1.3 ล้านตัน ไบโอดีเซล 1.08 ล้านตัน และส่งออก 8 แสนตัน และล่าสุด มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 2 แสนตัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม