เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีสถาบันพระปกเกล้าเปิดเผยผลสำรวจความเห็น ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปคะแนนนิยมของพรรค พท. จะลดลงและเป็นรองพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า เรายอมรับผลสำรวจของสำนักโพลแต่ละสำนัก ซึ่งแต่ละสำนักอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้เราต้องฟังอีกหลายๆ โพลเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า ผลโพลที่ออกมาจะทำให้บั่นทอนการทำงานหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ไม่บั่นทอน เนื่องจากในคำถามถามว่าหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ แต่จริงๆ การเลือกตั้งไม่ได้จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะรัฐบาลจะอยู่ครบสี่ปีแน่นอน ฉะนั้น การเลือกตั้งจึงเหลืออีกสามปีกว่า โดยในช่วงเวลาที่เหลือ เรามั่นใจว่าหากงบประมาณผ่าน และต้องยอมรับว่าการบริหารประเทศหลังรัฐบาลรัฐประหาร บวกกับมาเจอสถานการณ์โควิด การเข้ามาบริหารประเทศก็ไม่ใช่เรื่องที่จะผลักดันได้ง่าย

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า การบริหารประเทศจึงเป็นโจทย์หินและเป็นโจทย์ยาก แต่ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทำมาแล้วก็เห็นทิศทางว่าหากงบประมาณปี 67 ออกต่อเนื่องด้วยงบประมาณปี 68 การขับเคลื่อนนโยบาย เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะมาในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงอีกหลายนโยบายของภาครัฐ ตนคิดว่าผลงานของรัฐบาลจะดีขึ้น และหากเปรียบเทียบระยะเวลาการทำงาน 4 ปีนั้น รัฐบาลก็คงอยากทำงานแบบวิ่ง 100 เมตร คือเห็นผลโดยเร็ว แต่ในความเป็นจริงการทำงานก็เหมือนเป็นการวิ่งมาราธอน เพราะด้วยสถานการณ์ที่เราต้องก้าวข้ามผ่านวิกฤติแต่ละวิกฤติ ฉะนั้น จึงถือเป็นความท้าทายของรัฐบาล พท. ที่เข้ามาทำงานในช่วงรอยต่อเช่นนี้ และหากรัฐบาลทำงานต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นผลที่เป็นรูปธรรม

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผลโพลที่บอกว่าพรรคใด จะมีคะแนนนำนั้นอาจมีหลายปัจจัย แต่ต้องยอมรับว่าพรรคที่คะแนนนำนั้นยังไม่เคยได้โอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งโดยหลักการการเป็นฝ่ายค้าน ประชาชนยังไม่เห็นฝีมือ เมื่อยังไม่เห็นฝีมือ ก็อาจจะคาดหวังว่าหากได้เข้าไปทำจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำก็ยากลำบาก แต่ในความยากลำบากก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาล พท. จะท้อถอยหรือเสียสมาธิอะไร แต่เราจะเดินหน้าทำงาน

เมื่อถามว่า จากผลโพลที่ออกมาจะทำให้ต้องทำงานหนักมากขึ้นหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เราน้อมรับและรับฟังผลโพลแต่ละสำนัก เพราะโพลแต่ละสำนักก็มีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่เราคงจะไม่นำโพลมาบอกว่าเราท้อแท้หรือฮึกเหิมมั่นใจ ในส่วนของการทำงาน เราก็ต้องตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ฉะนั้น โพลที่ออกมาตนมองว่าเป็นแรงผลักดัน เป็นความท้าทายที่รัฐบาลต้องเร่งสปีดผลักดันและออกนโยบายที่เป็นรูปธรรม และเชื่อว่าหากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสามารถประสบความสำเร็จได้ ตนเชื่อว่าคะแนนนิยมจะดีขึ้นแน่นอน

เมื่อถามต่อว่า พรรค พท. จะต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานอะไรหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการทำงานของรัฐบาลมียุทธศาสตร์ มีแผนงานที่ชัดเจน แต่การเห็นโพลแล้วจะสปีดมากขึ้นหรือไม่นั้น ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีก็ทำงานอย่างหนักมาแต่แรกอยู่แล้ว และทำงานอย่างหนักเช่นนี้มาตลอดอยู่แล้ว ฉะนั้น ตนคิดว่ารอให้นโยบายต่างๆ ที่เป็นเรือธงของ พท. ออกมาก่อน ความเชื่อมั่นและคะแนนนิยมจะดีขึ้นอย่างแน่นอน