เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ผู้เฉพาะกิจส่วนกลาง รายงานความคืบหน้า การทำงานตรวจสอบการถือครองที่ดินของรัฐและการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าวบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ดำเนินการโดยชุดทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งมี พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว เป็นหัวหน้าชุด เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานพร้อมคณะทำงานสืบสวนสอบ กอ.รมน.ภาค 4 มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นมา หลังมีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย ผ่านทาง พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 หลังพบว่ามีการก่อสร้างวิลล่าหรูบนภูเขาในหลายๆ จุด ซึ่งต่อมา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้มอบหมายให้ชุดทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐฯ เข้าประสานข้อมูลร่วมกับ พ.อ.สนิท ศรีแสง ที่ปรึกษา รมน.ภาค 4 เข้าดำเนินการตรวจสอบและพบว่ามีการปลูกสร้างวิลล่าหรู ในพื้นที่บนภูเขาสูง และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการทำผิกฎหมายจำนวน 6 จุดสำคัญ ประกอบด้วย จุดที่ 1 เขาเฉวงน้อย เขาหมาแหงน ต.บ่อผุด จุดที่ 2 เขาละไม ต.มะเร็ต จุดที่ 3 เขาท้ายควาย ต.ลิปะน้อย จุดที่ 4 เขาแหลมใหญ่ ต.แม่น้ำ จุดที่ 5 เขาเตย ต.แม่น้ำ และจุดที่ 6 เขาพระ ต.บ่อผุด
เริ่มแล้ว สมุยโมเดล! บุกตรวจสอบ 2 วิลล่าหรูชาวต่างชาติบนเขาหมาแหงน
พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4/รอง ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวว่า พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้อนุมัติเห็นชอบในการทำงานแก้ไขในรูปแบบการบูรณาการหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่ชุดตรวจสอบฯ ได้ออกแบบการทำงาน ใช้ชื่อว่า สมุยโมเดล ซึ่งผ่านการจำลองเข้าปฏิบัติ ด้วยการตรวจสอบในประเด็นการถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการนิติบุคคลที่มีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามเป็นชาวต่างชาติ 2 แห่ง โดยใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ร.บ.โรงแรม และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบ พบว่าทั้ง 2 แห่ง มีการทำผิดกฎหมาย ทั้ง 3 พ.ร.บ. ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน กอ.รมน. กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำเจ้าพนักงานผู้ควบคุมกฎหมาย คาดว่าจะสามารถดำเนินการกล่าวโทษนิติบุคคลทั้ง 2 แห่งได้ภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ และจะใช้โมเดลนี้ เข้าทำงานตรวจสอบใน 6 จุด พร้อมกันในเร็วๆ นี้ ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีนายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้อำนวยการ
“ส่วนประเด็นการตรวจสอบเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในนามบริษัทนิติบุคคลสัญชาติไทย ในลักษณะตัวแทนอำพราง หรือนอมินี จากกรณีศึกษานักธุรกิจวิลล่าให้เช่าชาวฝรั่งเศส ล่าสุดรับรายงานจากพนักงานสอบสวน ทราบว่า การสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทราบถึงขั้นตอนกระบวนการ การอาศัยช่องว่างหลบหลีกฎหมาย และคณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน มาสอบสวนปากคำ ในฐานะเป็นผู้ก่อการ ซึ่งขณะนี้เรามีหลักฐานถึงตัวบุคคล อย่างน้อย 3 คน ที่อยู่ในกลุ่มผู้ก่อการ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เป็นคนไทย มีหน้าที่ไปยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท และยื่นเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นให้เป็นชาวต่างชาติภายหลังได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นตัวการสนับสนุนบุคคลต่างด้าวในการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542” พล.ต.อนุสรณ์ กล่าว
รายงานข่าวสืบสวนแจ้งว่า กลุ่มผู้ก่อการ ที่ฝ่ายสืบสวน กอ.รมน.ภาค 4 ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการจดทะเบียนนิติบุคคลในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 17,000 แห่ง และพบว่านิติบุคคลที่มีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแต่เพียงผู้เดียว มีถึง 9,000 แห่ง ส่วนใหญ่สถานประกอบการอยู่ในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน โดยมีชาวไทย ประมาณ 100 คน เข้าไปมีส่วนร่วมในการจดทะเบียน ในลักษณะผู้ก่อการให้กับนิติบุคคลสัญชาติไทยที่มีชาวต่างชาติเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม นอกจากนั้น การตรวจสอบของฝ่ายสืบสวนฯ ยังพบข้อมูลว่าในจำนวน 100 คนนี้ มีการเข้าไปกระจายเข้าเป็นผู้ก่อการ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มผู้กระทำผิด ซึ่งพนักงานสอบสวน กอ.รมน. กำลังสืบสวนสอบสวนเพื่อหาพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน เพื่อเอาผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน