เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ซึ่งการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรรม โดยกำหนดให้ลงมติในประเด็นคณะกรรมการกลั่นกรองคดีที่ได้นิรโทษกรรมและนิยามของคำว่า “แรงจูงใจทางการเมือง” ซึ่งใช้เวลาการประชุม 3 ชั่วโมง แต่ไม่มีข้อสรุปใดๆ

โดยนายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ. กล่าวว่า กมธ. ยังไม่มีข้อสรุปใด และให้อนุกรรมการฯ นำความเห็น กมธ. ที่หารือไปปรับปรุงก่อนนำเสนอมายัง กมธ. ในวันที่ 6 มิ.ย. นี้อีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะมีข้อยุติ ซึ่งในการหารือของ กมธ. ยังไปไม่ถึงประเด็นของการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 สำหรับวาระพิจารณาของ กมธ. ในครั้งหน้า จะมีเรื่องที่ต้องพิจารณาคือ นิยามของคำว่า “แรงจูงใจทางการเมือง” การนิรโทษกรรมโดยใช้รูปแบบคณะกรรมการมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ คดี ฐานความผิด หรือการกระทำที่จะได้รับการนิรโทษกรรม กระบวนการสร้างความสมานฉันท์ อาทิ การล้างมลทิน การคืนสิทธิ และการยอมรับผิดและการให้อภัย

ด้านนายยุทธพร อิสรชัย ประธานอนุ กมธ.ศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปิดเผยว่า การประชุมได้พิจารณารายงานของอนุฯ และยังมีความเห็นให้ไปปรับปรุง ในส่วนของกรรมการกลั่นกรองคดี ในองค์ประกอบ เพราะอนุ กมธ. เสนอให้มีกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลที่มีตำแหน่งในสภา เช่น ประธานสภา เป็นประธาน ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธาน แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรเพิ่มสัดส่วนของฝ่ายบริหารด้วย เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณ ทั้งนี้ เดิมอนุ กมธ. เสนอให้มีนายกรัฐมนตรี ด้วย แต่ได้ปรับแก้ไขไป รวมถึงกรรมการส่วนของศาลยุติธรรม ที่ถูกทักท้วงว่าไม่ควรมีเพราะอาจเกิดความขัดแย้งได้

นายยุทธพร กล่าวด้วยว่า สำหรับคำนิยามนั้น ยังมีประเด็นให้ปรับปรุงเล็กน้อย โดยได้วางกรอบของหลักการคือ เป็นการกระทำที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง โดยรายละเอียด อนุ กมธ. จะหารือกันในวันที่ 5 มิ.ย. นี้ ก่อนจะเสนอให้กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาวันที่ 6 มิ.ย. ต่อไป.