เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรุต ขำเขนก ผอ.มูลนิธิเพื่อให้โอกาส  อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์  หลังจาก น.ส.เอ ซึ่งมีพื้นเพอยู่ในเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯสถานที่ที่เคยอยู่มา 7 ปี ว่าถูกแม่แท้ๆ บังคับให้ขายบริการให้กับผู้ชาย เพื่อเอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ

นายวรุต กล่าวว่า วานนี้ (4 มิ.ย.) น.ส.เอ ได้นั่งรถตู้จากบุรีรัมย์ ไปพบตนที่มูลนิธิฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ ว่าถูก น.ส.กัลยา แม่แท้ๆ ของตนเองบังคับให้ขายบริการรวม 10 ครั้ง กับผู้ชายคนเดิม เพื่อเอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ และครั้งล่าสุดก่อนจะเดินทางมาที่มูลนิธิฯ จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบคราบอสุจิในช่องคลอดของน้องด้วย จึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลนางรองต่อ เพื่อหาผลยืนยันที่แน่นอน ก่อนจะพาตัวมาแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ สถานที่เกิดเหตุ นายวรุต กล่าวด้วยว่า ครอบครัวนี้มีบุตรด้วยกัน 5 คน ส่วนใหญ่จะเอามาฝากไว้ที่มูลนิธิฯ เกือบทั้งหมด น.ส.เอ เป็นบุตรคนโต เอามาฝากไว้ที่มูลนิธิฯ เมื่ออายุได้ 12 ขวบ ครั้งนั้นถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืน พ่อถูกดำเนินคดีตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหายสาบสูญไป

เมื่อ น.ส.เอ อายุได้ 19 ปี ครอบครัวคือแม่กับพ่อเลี้ยง มารับตัวไปอยู่ด้วย ทางมูลนิธิฯ จึงอนุญาตให้ไป ซึ่งจากการสอบถาม น.ส.เอ อย่างละเอียดพบว่า หลังจากไปอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง เห็นแม่เสพยาบ้าประจำ จนกระทั่งเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แม่ได้บังคับตนให้ไปร่วมหลับนอนกับชายคนหนึ่ง ตอนแรกไม่ยอมแต่ถูกแม่ทำร้าย จึงจำเป็นต้องทำตามแม่บอก หลังจากนั้นแม่พาตนไปหาชายคนเดิมอีกเรื่อยๆ รวมแล้วประมาณ 10 ครั้ง จึงคิดว่าทนไม่ไหว จึงนั่งรถตู้ประจำทางไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิฯ ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของ น.ส.เอ ซึ่งจะต้องร่วมมือกับตำรวจเพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากมีใครร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้ มูลนิธิฯ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกรายโดยไม่ละเว้น