สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่าสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่แถลงการณ์ของนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ ว่าการปะทะกันตามแนว “เส้นสีน้ำเงิน” ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เป็นผู้กำหนด ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สหประชาชาติขอเรียกร้องให้คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกันทันที


ขณะเดียวกัน กูเตร์เรสแสดงความวิตกกังวล ว่าการสู้รบข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งมีฐานอยู่ในเลบานอน จะลุกลามขยายวงกว้าง และบานปลายจนกลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค


ท่าทีดังกล่าวของเลขาธิการยูเอ็นเกิดขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียด ซึ่งทหารอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ตอบโต้กันไม่เว้นแต่ละวัน และบรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น เมื่อการยิงจรวดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ป่า ในพื้นที่ทางเหนือของอิสราเอล เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ว่าอิสราเอล “พร้อมปฏิบัติการเข้มข้นตามแนวชายแดน”


ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเกิดขึ้นคู่ขนานกับสงครามในฉนวนกาซา ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 455 ราย ในเลบานอน โดยมีพลเรือนรวมด้วยอย่างน้อย 88 ราย ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ส่วนในอิสราเอลมีรายงานทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 14 นาย และพลเรือนอีกอย่างน้อย 11 ราย


ขณะที่ในทางทฤษฎีถือว่าอิสราเอลและเลบานอนยังมีสถานะเป็นประเทศคู่สงครามต่อกัน เนื่องจากการสู้รบครั้งใหญ่ ที่ยาวนานประมาณ 1 เดือน เมื่อปี 2549 ไม่ได้ยุติด้วยข้อตกลงสันติภาพ แต่เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของยูเอ็นเอสซี ยิ่งไปกว่านั้น หลายฝ่ายมองว่าในความเป็นจริง การสู้รบครั้งนั้น คือสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์มากกว่า.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES