เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 59 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบ พร้อมเชิญตัว นายมนตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี พร้อมพวกรวม 8 คน มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ,ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบฯ ได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่ง ว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปกู้ยืมเงินจากแก๊งเงินกู้ดังกล่าวมาลงทุนค้าขาย โดยจ่ายดอกเบี้ยคิดเป็นเงินร้อยละ 2 ต่อวัน อีกทั้งหากต้องการกู้เงิน 10,000 บาท วันที่รับเงินจะมีการหักค่าดำเนินการทันที 1,200 บาท ต่อมาไม่สามารถหาเงินมาจ่ายดอกได้ทัน จึงถูกแก๊งเงินกู้ดังกล่าวตามทวงเงินข่มขู่ด่าทอ รวมถึงขู่ว่าจะยกพวกบุกมาทำร้ายถึงร้านค้าจึงเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนทราบว่าแก๊งเงินกู้ดังกล่าว มีการเปิดใช้บ้านพักหลังหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 59 เป็นที่ตั้งสำนักงาน หรือ เซฟเฮ้าส์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงพบ นายมนตรี แสดงตนเป็นผู้ดูแลบ้าน ส่วนภายในบ้านพบกลุ่มพนักงานทวงหนี้ที่เหลืออีก 7 คนกำลังนอนหลับพักผ่อน จึงเชิญตัวทั้งหมดมาทำการสอบปากคำ
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ยังพบพบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน รวมถึงบัตรประจำตัวประชาชนของลูกหนี้ สมุดจดรายการลูกหนี้ที่กู้ยืม รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ใช้วิ่งเก็บดอกเบี้ยรายวัน รวมถึงนามบัตรที่ไว้แจกตามสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 20 ล้านบาท จึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้จากการสอบปากคำ นายมนตรี ยอมรับว่ามีการเงินกู้นอกระบบจริง แต่อ้างว่าไม่ใช่นายทุน หรือ เจ้าของเงินที่นำมาปล่อยกู้ พร้อมยอมรับว่านายทุนคนดังกล่าวนั้นเป็นคนไทย เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สน.บางเขน ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมขยายผลเอาผิดนายทุนเงินกู้ผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป