สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า ที่ประชุมสันติภาพยูเครน ซึ่งไม่มีรัสเซียและจีนเข้าร่วม สิ้นสุดการพบหารือเป็นเวลา 2 วัน ที่เมืองลูเซิร์น ในสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องการเคารพต่อ “อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” ของยูเครน ตามที่ระบุอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อให้เป็นพื้นฐานของกระบวนการสันติภาพ ที่ครอบคลุมและยืนยาว
ขณะเดียวกัน เนื้อหาของแถลงการณ์เรียกร้อง การแลกเปลี่ยนเชลยศึก การส่งกลับเด็กชาวยูเครนที่ต้องอพยพไปยังรัสเซีย นอกจากนี้ ยังมีการระบุเกี่ยวกับ ความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร “ต้องไม่ใช่อาวุธในสงคราม” โดยเน้นย้ำ ความราบรื่นของการส่งออกธัญพืชจากทะเลดำ และเสถียรภาพด้านนิวเคลียร์ ซึ่งรวมถึงการที่ยูเครน “ต้องมีอำนาจควบคุมเต็มรูปแบบ” ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ทางตอนใต้ของยูเครน
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ไม่ได้รับการลงนามจากทุกประเทศที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ โดยจาก 92 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม 80 ประเทศลงนาม แต่มี 12 ประเทศไม่ร่วมลงนาม ได้แก่ อาร์เมเนีย บราซิล อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน เม็กซิโก โคลอมเบีย แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย วาติกัน และไทย
ด้านประธานาธิบดีวิโอลา อัมเฮิร์ด ผู้นำสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า หนทางนับจากนี้ “ยังอีกยาวไกลและท้าทาย” ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า “เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง” ที่ทุกประเทศซึ่งเข้าร่วมการประชุม ต้องรับรองอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ที่เป็นกลไกสำคัญของกระบวนการสันติภาพ และเดินหน้าเรียกร้องความสนับสนุนด้านอาวุธเพิ่มเติมจากตะวันตก โดยให้เหตุผลว่า ปริมาณอาวุธที่ได้รับ ณ เวลานี้ “ไม่เพียงพอ” ที่จะชนะรัสเซีย
นอกจากนี้ เซเลนสกีเรียกร้องรัสเซียถอนทหารออกจากภูมิภาคทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน แต่ทำเนียบเครมลินกล่าวว่า รัฐบาลเคียฟ “ต้องยอมรับความเป็นจริง” ว่าสถานการณ์ในสมรภูมิเป็นอย่างไร.
เครดิตภาพ : AFP
