บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” (Mizuiku Water Hero Camp) ภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ : เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 (One Suntory Mizuiku Program 2024) กิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และสิ่งแวดล้อม และถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก และเยาวชนไทย ในเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้กับนักเรียนและครูในจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรี รวมทั้งสิ้น 30 โรงเรียน โดยมีแกนนำนักเรียน ตัวแทนครู และพนักงานจิตอาสาจากทั้งสองบริษัท กว่า 500 คน มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ จังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน 25647 ที่ผ่านมา

นายอชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันกล่าวถึงโครงการ วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ : เรารักษ์น้ำ ประจำปี 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของทั้งสองบริษัท มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนไทย ผ่านการจัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” เพื่อส่งเสริมความการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียน รวมถึงมอบเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาและต่อยอดโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนแบบบูรณาการ และขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ เพื่อคัดเลือกเป็นโรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ ประจำปี 2567 ต่อไป

งานนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และ ศูนย์การศึกษาสิ่งแวดล้อม (Environmental Education Center : EEC) เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” ตลอด 3 วัน 2 คืน เต็มไปด้วยความรู้ในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการออกค่ายในครั้งนี้ ที่ต้นแบบมาจากประเทศญี่ปุ่น ที่บริษัทฯ ได้จำหน่ายน้ำและน้ำแร่ จะต้องการรักษาและอนุรักษ์แหล่งน้ำอย่างแท้จริง เพราะเชื่อว่า น้ำอยู่ได้ถ้าธรรมชาติยังคงอยู่ พร้อมส่งต่อความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้พนักงาน คนในพื้นที่ และเด็ก ๆ ที่อยู่หลังโรงงาน ได้ร่วมอยู่และรักษา รักษ์ธรรมชาติไปด้วยกัน

ศูนย์การศึกษาสิ่งแวดล้อม ผู้ออกแบบกิจกรรม “ค่ายมิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” ในการเรียนรู้ในเรื่องวัฏจักรน้ำ, ปัญหาน้ำในปัจจุบัน, ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ, แหล่งระบบนิเวศทางทะเล, ขยะทะเล, การแยกขยะประเภทต่าง ๆ, การตรวจสุขภาพน้ำ ฯลฯ ผ่านกิจกรรมที่ถูกถ่ายทอดอย่างสนุกสนาน เพื่อที่จะให้เด็ก ๆ อายุระหว่าง 8-12 ปี ที่ร่วมโครงการทุกคน ได้ซึมซับและหวงแหนต้นกำเนิดแหล่งน้ำ ซึ่งอยู่ในจังหวัดระยองและชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านและภูมิลำเนาของพวกเขา ให้น้ำและธรรมชาติรอบ ๆ บ้านได้ยังคงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป

นางสาวณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร ซันโทรี่    เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ของเรา ทุกอย่างมาจากน้ำทั้งหมด เพราะน้ำคือจุดเริ่มต้นทุกอย่างของชีวิต เราจึงให้ความสำคัญกับทรัพยากรน้ำมาก ๆ และสิ่งสำคัญคือการอนุรักษ์น้ำ และจะต้องปลูกฝังและสอนให้เด็ก-เยาวชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแล ซึ่งกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” จะเปิดโลกในการอนุรักษ์น้ำให้กับน้อง ๆ หลังจากการออกค่ายในครั้งนี้ น้อง ๆ ที่ร่วมโครงการจากจังหวัดระยองและชลบุรี จะต้องเอาความรู้ที่ได้รับไปเผยแผ่ให้กับเพื่อน ๆ และคุณครูที่โรงเรียนและทำเป็นผลงานวิดีโอกลับมายังบริษัท คณะกรรมการจะให้คะแนนและคัดเลือกโปรเจคที่เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อรับเงินรางวัล 10,000 บาท เพื่อไปทำโปรเจค เพื่อคัดเลือกเดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป จำนวน 2 โรงเรียน โรงเรียนละ 15 คน (รวม 30 คน)”

ด้าน นายอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Education Centre : EEC) กล่าวเสริมว่า “การเริ่มต้นการอนุรักษ์น้ำเด็ก ๆ ในวัย 8-12 ปี เป็นช่วงเวลาที่เขาจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ เราเน้นสร้างความรักให้กับคนและธรรมชาติ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับน้อง ๆ กิจกรรมจึงตั้งใจทำออกให้สนุกควบคู่กับการให้ความรู้ อยากให้เขารู้สึกรัก และอยากกลับไปดูแล หวงแหนธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ในจังหวัดของพวกเขา การรักษ์โลกอย่างง่าย ๆ เลย ที่ทุกคนสามารถทำได้ คือการกินข้าวให้หมด จะช่วยลดขยะเศษอาหาร หรือการแยกขยะภายในบ้านของตัวเอง ก็มีส่วนช่วยโลกของเราได้มากแล้วครับ”

ด.ช.อนุชา ไทยเจริญ (เบิร์ด) อายุ 11 ปี ชั้น ป.6 จากโรงเรียนวัดแกลงบน จังหวัดระยอง เผยว่า “มาเข้าค่ายสนุกมาก ๆ ครับ ได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ ต่างโรงเรียน ได้รับความรู้ในเรื่องการแยกขยะ และรักษาน้ำ  ซึ่งที่บ้านผมก็แยกขยะอยู่แล้วครับ แต่ไม่ละเอียดเท่านี้ การมาเข้าค่ายในครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่า น้ำสำคัญมาก ๆ ถ้าไม่มีธรรมชาติ ไม่มีแหล่งน้ำที่ดี ก็ไม่มีน้ำกิน ผมจะช่วยดูแลน้ำและชวนเพื่อน ๆ และน้องของผมร่วมกันดูแลแหล่งน้ำให้ดีครับ”

ด.ญ.กัญญาภัค ภักดีรักษ์ (ข้าวหอม) อายุ 11 ปี ชั้น ป.6 จากโรงเรียนเพชรพิทยาคม จังหวัดชลบุรี เล่าให้ฟังว่า “หนูชอบทะเล และธรรมชาติอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้โอกาสมาเที่ยวทะเลบ่อย ๆ มาเข้าค่ายในครั้งนี้ดีใจมากค่ะ ได้เจอเพื่อน ๆ และได้ความรู้ไปพร้อมกัน ถ้าเราทิ้งขยะไม่ถูกต้อง จะทำให้สัตว์และสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ-ใต้ทะเล ไม่สามารถอยู่ได้ค่ะ การมาเที่ยวในครั้งนี้ทำให้หนูได้เห็นสัตว์และสิ่งมีชีวิตแปลก ๆ มากมาย ได้ไปเห็นป่าโกงกางด้วย รู้สึกชอบมาก ๆ ค่ะ”

คุณครูโรงเรียนบ้านพยูน จังหวัดระยอง นายบรรพต เวียนนอก (ครูเชาว์) กล่าวว่า “เด็กทั้ง 15 คน จากโรงเรียนบ้านพยูน ทั้งหมดที่มาส่วนใหญ่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ และสนใจในเรื่องของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษครับ ทำให้เด็กๆ สนใจและตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้และเห็นความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นข้อมูลความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ ซึ่งหลังจากนี้ ผมจะนำทีมนักเรียนและนำความรู้ที่ได้รับมา ไปบูรณาการให้เด็กคนอื่น ๆ ในโรงเรียนได้รับความรู้ในเรื่องนี้ด้วย โดยเป็นการให้พี่ ๆ สอนน้อง ๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นการบอกต่อความรู้ที่สนุกอยู่ไม่น้อยเลยครับ”

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของกิจกรรมภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ได้ที่ Facebook:  One Suntory Mizuiku Program Thailand (https://www.facebook.com/OneSuntoryMizuikuProgram )