สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือนกรุงเปียงยางอย่างเป็นทางการ ว่าข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ซึ่งลงนามร่วมกับนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ที่กรุงเปียงยาง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คือข้อตกลง “ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง”
Footage of North Korean and Russian heads of states signing Comprehensive Strategic Partnership Agreement pic.twitter.com/83ydrjM8Cj
— Sputnik (@SputnikInt) June 19, 2024
Comprehensive Strategic Partnership Agreement between Russia and DPRK implies assistance in case of aggression against one of the participants, Russia's President Vladimir Putin said. pic.twitter.com/oMLhhCtFpL
— Sputnik (@SputnikInt) June 19, 2024
ทั้งนี้ สาระสำคัญของข้อตกลงดังกล่าว ที่มีการเผยแพร่ในเวลาต่อมา คือการที่รัสเซียและเกาหลีเหนือ “มอบความสนับสนุนและความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ในกรณีที่อีกฝ่าย “เผชิญกับการถูกคุกคามด้วยความก้าวร้าว” ซึ่งถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ “ไปสู่ยุคสมัยใหม่”

นอกจากนั้น ปูติน “ไม่ปฏิเสธ” เกี่ยวกับ “ความร่วมมือด้านเทคนิคทหาร” กับเกาหลีเหนือ และยืนยันว่า รัฐบาลมอสโกและรัฐบาลเปียงยางจะร่วมกันยืนหยัด ต่อต้าน “การใช้อำนาจบาตรใหญ่” ที่รวมถึงการคว่ำบาตรของสหรัฐ และพันธมิตรตะวันตก โดยผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) “ควรทบทวน” มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
❗️Comprehensive Strategic Partnership Agreement between Russia and DPRK will become the driving force accelerating the creation of a new multipolar world, Kim Jong-un said. pic.twitter.com/x7fg60E6dc
— Sputnik (@SputnikInt) June 19, 2024
ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) เผยแพร่แถลงการณ์ของคิม ว่าข้อตกลงดังกล่าวกับรัสเซีย เกิดขึ้นด้วยเหตุผล “เพื่อการป้องกันตัว” อันจะนำไปสู่ “สันติภาพและเสถียรภาพ” ให้เกิดขึ้นในภูมิภาค
ขณะที่นายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวถึงการเยือนกรุงเปียงยางของปูติน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ว่า “ความวิตกกังวล” ของรัฐบาลวอชิงตัน “ไม่ได้อยู่ที่การเดินทางไปเยือน” แต่คือการที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ “มีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น” และจะส่งผลกระทบต่อชาวยูเครน เนื่องจากรัสเซียยังคงใช้อาวุธของเกาหลีเหนือในสมรภูมิ.
เครดิตภาพ : AFP