เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ แานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ธณัชชนน์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปปป. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ร่วมกแถลงผลนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 14 จุด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา อุดรธานี และ กรุงเทพฯสามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการออกหนังสือสิทธิที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายอัครเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา นางวิไลลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ นายปรีชา (สงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี เจ้าหน้าที่นายช่างสำรวจอาวุโส และ นายโชคศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่นายช่างรังวัด ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
พ.ต.อ.ธณัชชนน์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เราสืบสวนมาต่อเนื่องโดยตลอดตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนปรากฎแน่ชัดว่ากระทำผิด จึงขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการออกหนังสือสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบ ก่อนนำมาสู่การบูรณาการกำลังร่วมกันหลายฝ่ายเข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุม พร้อมตรวจยึดของกลางเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมไปถึงหมุดที่ดิน จำนวน 151 หมุด
“ส่วนชาวบ้านที่เป็นนอมินีทั้ง 13 คน ขณะนี้ยังอยู่ในสถานะเป็นผู้ให้ถ้อยคำ ซึ่งต้องมาพิจารณาดูความเชื่อมโยงและเจตนาอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ รวมถึงพิจารณาว่าคำให้การของคนเหล่านี้มีประโยชน์ต่อรูปคดีมากน้อยเพียงใด หากให้ความร่วมมือดีก็อาจมีการพิจารณากันไว้เป็นพยาน ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นคนลงชื่อรับรองความเป็นเกษตรกรให้กับนอมินีจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา” พ.ต.อ.ธณัชชนน์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า สำหรับหมุดที่ดิน ส.ป.ก. ที่ตรวจยึดได้จากบ้านของหนึ่งในผู้ต้องหา เราพบเจอหมุดชุดนี้อยู่บนหลังรถกระบะ พร้อมอุปกรณ์ คล้ายกำลังเตรียมนำไปปัก ซึ่งหลังจากนี้ต้องเร่งพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า หมุดที่ดินของหลวงเหล่านี้มาอยู่กับผู้ต้องหาได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาคนดังกล่าวเกษียณอายุราชการไปปีกว่าแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับเคสนี้ถือเป็นเฟสแรกที่เราดำเนินการ เพราะได้รับเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาดังกล่าวมานาน และมันเด่นชัด มันพิลึกพิลั่น เคสที่เราไปจับเป็นแค่เพียงสารตั้งต้น ซึ่งหลังจากนี้ยืนยันว่าจะเฟสสองในพื้นที่อื่นๆอีก เพราะปัญหาดังกล่าวจะต้องถูกปัดกวาดให้หมดสิ้น.