เมื่อวันที่ 23 มิ.ย .ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 มิ.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. จับกุม นายอภิวัฒน์ หรือแซม โตมา อายุ 26 ปี ความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง อาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงลำกล้องสีเงิน ด้ามจับสีน้ำตาล 1 กระบอก, อาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงลำกล้องสีเงิน ด้ามจับสีดำ 1 กระบอก และ กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 5 นัด โดยจับกุมได้ในบ้านพักผู้ต้องหา ในซอยประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากนายอภิวัฒน์ ขายอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ กับกลุ่มเพื่อน ในช่องทางกลุ่มแชต ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. สืบสวนทราบว่า มีการทำอาวุธปืนเถื่อนจริง จึงรวบรวมหลักฐานขอหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ที่ ค.255/2567 เข้าตรวจสอบบ้านพัก นายอภิวัฒน์ ซึ่งขณะเข้าไปโชว์หมายค้นแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น นายอภิวัฒน์ ไหวตัวปีนกำแพงหลังบ้าน วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังไว้ จนสามารถไล่จับกุมตัวไว้ได้ ก่อนให้นำค้นบ้านพักพบของกลางดังกล่าว และจากการตรวจสอบประวัติทางคดี พบว่า ปี 2556 เคยโดนจับคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ ปี 2556 โดนจับคดีพยายามฆ่าผู้อื่น ในพื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี และ ปี 2558 โดนจับคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ในพื้นที่ สน.บึงกุ่ม
สอบสวนเบื้องต้น นายอภิวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ถูกตรวจพบเป็นอาวุธปืนของตนจริง โดยที่ผ่านมาจะขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ กระบอกละ 10,000-15,000 บาท ขายไปแล้ว 3-4 กระบอก จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ ว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อมีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายอาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท