เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์อีเอ็มเอส เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 และกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม ได้ยื่นถูกต้องครบถ้วน หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และข้อมูลในประวัติการทำงานย้อนหลัง ปี 2565 และ 2566 หรือไม่ อาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เนื่องจากกรณีนายกฯ ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม 2 รายการ มีเหตุควรสงสัยว่า เหตุใดตัวเลขบัญชีทรัพย์สินไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมียอดรวมรายการทรัพย์สินของนายเศรษฐา เท่าเดิมคือ 659,391,610 บาท ทั้งที่ควรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมียอดบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม 2 รายการคือ รายการโทเคนดิจิทัลชื่อ SiriHubA 310 หน่วย มูลค่า 2,907 บาท และเงินอีก 197,048 บาท ควรมีทรัพย์สินเพิ่มอีก 199,956 บาท
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า อีกทั้งประวัติการทำงานย้อนหลัง 5 ปีของนายเศรษฐา ระบุว่า ปี 2553 เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ปี 2564 เป็นประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แต่ไม่ระบุข้อมูลปี 2565 และ 2566 ที่นายเศรษฐายังดำรงตำแหน่งเป็นทั้งกรรมการ, ประธานอำนวยการ, กรรมการผู้จัดการใหญ่, ประธานกรรมการบริหาร, รองประธานกรรมการลงทุน ทั้งที่ในรายงานประจำปี 2566 บริษัท แสนสิริฯ ยังคงระบุถึงตำแหน่งดังกล่าวจนถึงเดือนเม.ย. 2566 ไว้ด้วย จึงควรให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบความผิดปกติดังกล่าว.