เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กของ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ด้วยความเคารพนับถือ กระผมขอประกาศการลาออกจากตำแหน่งกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนภาคประชาชน หลังจากที่ได้รับโอกาสให้รับใช้ประเทศชาติและประชาชนในบทบาทนี้มาอย่างเต็มความสามารถและจริงใจตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผมมีความภูมิใจอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติทุกท่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคประชาชนร่วมกันพัฒนางานตำรวจเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติและรักษาความปลอดภัยของประชาชนภายในประเทศ และหนุนเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่หากหน่วยงานใดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการให้ผมสนับสนุนภารกิจงานตำรวจอื่นใดที่เป็นความเชี่ยวชาญและตรงกับศักยภาพของกระผม กระผมยินดีทำงานให้ด้วยความมุ่งมั่น
การตัดสินใจในครั้งนี้เกิดจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของการขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและความจำเป็นในการมอบโอกาสให้กรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาชนคนใหม่ที่จะสานต่อภารกิจในการพัฒนาและสนับสนุนการทำงานของตำรวจแห่งชาติในอนาคตให้มีความต่อเนื่องและเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ในช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง กรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิของกระผม กระผมได้น้อมรับขับเคลื่อนนโยบายตำรวจของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ช่วงรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างสุดความสามารถแห่งปัญญา ผมได้มีโอกาสลงพื้นที่ร่วมทำงานกับ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นและภาคประชาชนในหลายโครงการสำคัญ เช่น การรณรงค์เสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์และการสร้างเครือข่ายข่าวกรองระดับชุมชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำนโยบายสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดและจัดการกับขบวนการมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในระดับพื้นที่ เช่น กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ภายใต้ความเป็นผู้นำหน่วยของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย และคณะทำงานแบบบูรณาการแก้ไขปัญหาขบวนการมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความคืบหน้าแบบก้าวกระโดดทั้งในมิติของการบังคับใช้กฎหมายและมิติของสังคมเพื่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาของการที่เป็นกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิ กระผมได้เห็นความสำคัญของการลงพื้นที่ไปสัมผัสหน้างานภารกิจของตำรวจระดับพื้นที่จริง เช่น กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดหนองคาย ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ เป็นพื้นที่ที่มีการขึ้นยาเสพติดและขนยาเสพติดที่ในอดีตเคยรุนแรงตามแนวชายแดน แต่วันนี้เกิดมิติใหม่กระชับความปลอดภัยประชาชนไทย-ลาว โดยคณะนายตำรวจภูธรของจังหวัดหนองคายและผมได้มีโอกาสเดินทางไปประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกับ พลจัตวา ดร.บัวผัน ฟองมะนี หัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบนครหลวงเวียงจันทน์แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคณะหัวหน้านายตำรวจตามแนวชายแดนทั้งสองประเทศ เพื่อผลักดันและสนับสนุนการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์จัดการจับกุมผู้กระทำผิดระดับรากฝอยยันรากแก้วลำต้นของขบวนการค้ายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การเข้มงวดอย่างหนักเช่นนี้จะช่วยสร้างความตระหนักและการรณรงค์ในหมู่ประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อลุกขึ้นต่อสู้กับขบวนการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติในทุกมิติแบบถอนรากถอนโคนได้สำเร็จยั่งยืน
กระผมเชื่อมั่นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การนำของทุกรัฐบาลจะยังสามารถคงเป็นที่พึ่งของประชาชนและสามารถฟื้นฟูความศรัทธาของประชาชนได้ ถ้านายตำรวจทุกคนทำตามหน้าที่ด้วยความซื่อตรง และขอให้ฝ่ายนโยบายที่จะต้องเดินหน้าต่อไป ช่วยสานต่อและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่เข้าถึงประชาชนและไปดูหน้างานตามแนวชายแดนจะได้ข้อมูลแท้จริง จะทำให้ฝ่ายนโยบายตัดสินใจได้ถูกต้องตอบโจทย์ตรงเป้าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นส่วนหนึ่งของโรดแมป (Roadmap) ฟื้นฟูความศรัทธาของประชาชน ที่ผมออกแบบและได้เสนอให้กับ สำนักงานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (สนง.ก.ต.ช.) ไปแล้ว
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติทุกท่านที่ให้การต้อนรับผู้แทนจากภาคประชาชนและสนับสนุนผมตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานทุกท่านในสำนักงาน ก.ต.ช. ที่ร่วมมือกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อช่วยกันออกแบบยุทธศาสตร์ นโยบาย แผน และระเบียบปฏิบัติพัฒนางานตำรวจ เพื่อองค์กรตำรวจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ในการรักษาความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน.