เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 2 ก.ค. นายอุดม สุวรรณฆะนะ ผู้ใหญ่บ้านนาจอมเทียนหมู่ 1 พร้อมผู้ช่วยฯ ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบริเวณชายหาดนาจอมเทียน ช่วงหน้าร้านข้าวต้มเศรษฐี หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังชาวบ้านแจ้งว่า ได้พบพระภิกษุสงฆ์ ขับรถตู้ อีซูซุ สีเหลือง สภาพเก่า ทะเบียน ฒว 9319 กรุงเทพมหานคร มาจอดเที่ยวชมวิวบริเวณชายหาด ขอให้ช่วยตรวจสอบว่า เป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยังคณะสงฆ์ ประกอบด้วย พระครูปิยะกิจวิบูล หรือ อาจารย์แก้ว เจ้าคณะตำบลนาจอมเทียน พระครูสมศักดิ์ ตาณโร เจ้าอาวาสวัดนาจอมเทียน พระครูปลัดวินัย ธีรปปัญโญ เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี ร่วมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบพบว่า พระรูปดังกล่าว คือ หลวงตาหนูที ทินราช อายุ 76 ปี กำลังนั่งอยู่ที่เบาะคนขับในชุดพระสงฆ์ ไม่มีหนังสือสุทธิปัจจุบันมาแสดง มีแต่เล่มเก่าที่ออกในปี 2534 ครั้งบวช ณ วัดจอมศรี จ.อุดรธานี ตรวจสอบภายในรถ พบอาหารที่ได้จากการรับบิณฑบาตจากญาติโยม วางกองกระจัดกระจายเกลื่อนรถ ถูกทิ้งให้บูดเน่าเหม็น นอกจากนี้ ยังพบกองอุจจาระถ่ายทิ้งไว้ และพบเสื้อผ้าชุดฆราวาสหลายชุด โดยอ้างว่า เป็นของลูกชายที่ป่วยพิการ
ด้าน หลวงตาหนูที เผยว่า ได้ขับรถตู้มาพร้อมกับลูกชายพิการ (ไม่พบในที่เกิดเหตุ) ออกเดินทางจากบ้านพักใน จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งตะวันออก อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งมีโปรแกรมจะพาลูกมาเที่ยวพักผ่อนทะเล ระหว่างทางเจอด่าน ก็ไม่มีตำรวจคนใดว่า เพราะรู้จักตนเป็นอย่างดี ส่วนสาเหตุที่บวชเพราะชรามากแล้ว ไม่รู้จะไปทำอะไร ตอนนี้ถูกจับสึกแล้ว ก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรต่อได้ คงต้องขับรถเดินทางกลับไปอยู่บ้านเกิด
เบื้องต้น คณะสงฆ์ได้ทำการตรวจสอบพิจารณาแล้วเห็นว่า การขับรถ แม้เป็นความผิดไม่ถึงขั้น “ปาราชิก” แต่ทางมหาเถรสมาคม ได้มีมติห้ามภิกษุสามเณรขับรถยนต์ การอ้างว่า ขับรถมาเที่ยวพักผ่อนทะเล โดยเฉพาะยามค่ำคืน ได้ทำลายภาพลักษณ์ต่อผู้พบเห็น จึงถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง รวมถึงไม่มีสังกัดวัดที่แน่ชัด และไม่มีหนังสือสุทธิปัจจุบันมายืนยันตัวตน จึงได้ทำการสึกให้ลาสิกขาเป็นฆราวาส และอนุญาตให้ขับรถเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา
นอกจากนี้ ยังตรวจประวัติพบว่า พระหนูที ตกเป็นข่าวมีชื่อเสียงโด่งดังกับการใช้สัตว์ อาทิ สุนัข แพะ ลา เดินลากรถเข็นใส่อาหาร ขอเรี่ยไรรับบิณฑบาต จนถูกแจ้งจับดำเนินคดีในความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ และถูกจับสึกมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงปี 59-66 จนมาพบว่ากลับมาบวชเป็นภิกษุอีกครั้ง ด้วยบทบาทขับรถตู้ตระเวนท่องเที่ยวพื้นที่ชายหาด ตามแนวชายฝั่งภาคตะวันออก.